Art Not Artist
คุยกับ ชาติชาย ปุยเปีย จากวันที่ศิลปะคืออีโก้จนถึงวันที่ไม่ชอบการเป็นศิลปินและศิลปะเป็นเพียงแค่คู่ใจ
- เปิดใจ ชาติชาย ปุยเปีย ผ่านนิทรรศการ ‘บ้า น จับพระจันทร์ | ชาติชาย ปุยเปีย’ ที่รวมผลงานมากกว่าร้อยชิ้นของศิลปินมาจัดแสดง เพื่อสำรวจอารมณ์และตัวตนที่เปลี่ยนไป ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของเขาโดยเฉพาะความสัมพันธ์ของตัวเองกับศิลปะ และตัวตนในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง
หนึ่งในนิทรรศการใหญ่แห่งปี 2025 ของหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) คือ ‘บ้า น จับพระจันทร์ | ชาติชาย ปุยเปีย’ ที่รวมผลงานกว่าร้อยชิ้นของศิลปินไทยระดับตำนาน…ชาติชาย ปุยเปีย จัดแสดงที่ชั้น 8 ในคอนเซปต์เดินตะลุยบ้านของศิลปิน ตั้งแต่ประตูทางเข้าด้านหน้าไปจนถึงสวนหลังบ้านเลยทีเดียว
มีผลงานตลอดหลายสิบปีของศิลปินในแต่ละห้องของบ้านจำลอง ทุกคนจะได้เห็นภาพจำอันคุ้นเคยกับงานศิลปะสีสันฉูดฉาด เนื้อหารุนแรง เสียดสีสังคม และหน้าของเขากับดวงตาเบิกโพลง ซึ่งแสดงตัวตนและเอกลักษณ์ในฐานะศิลปินของ ชาติชาย ปุยเปีย
ONCE ได้โอกาสพูดคุยกับ ชาติชาย ปุยเปีย ในวัยเลข 6 นำหน้า เขาเห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเองอย่างไรบ้างในฐานะศิลปิน และเห็นความหมายอะไรบ้างกับชีวิตที่อยู่คู่กับศิลปะยาวนานหลายสิบปี






การได้กลับมาเห็นผลงานตัวเองรวมตัวกันแบบนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง?
ก็ดี เหมือนได้ดูลูกมารวมตัวกันนะ เหมือนผมเป็นคนแก่แล้วลูกมารวมตัวกินข้าวที่บ้าน (ยิ้ม)
มีงานที่ผมคิดถึงบ้าง ไม่คิดถึงบ้าง บางงานก็รู้สึกเปลี่ยนไป เศร้าใจหน่อยที่เห็นงานบางชิ้นเสียหาย มีอยู่เยอะเหมือนกัน คือเห็นรูปเสียหายก็สะเทือนใจเหมือนกัน บางอันรู้ว่าหายไปเลยก็มี
ในมุมหนึ่งย้อนมองกลับไปก็เห็นพลังงานของตัวเองในวัยหนุ่ม เห็นข้อความอะไรมากมาย แต่ในมุมหนึ่งตอนนี้ผลงานของผมกลายเป็นสินค้าให้คนเอาไปลงทุนได้กำไร ด้านหนึ่งก็เหมือนเห็นศิลปะที่เราชอบอยู่ แต่อีกด้านพอมองย้อนไปก็เห็นเรื่องไม่ชวนมอง

ผลงานเหล่านี้มีความหมายอย่างไรบ้าง?
ศิลปะที่ผ่านมาของผม ผมไม่ได้ฟูมฟายกับมันมากนัก คือผมมีปมที่ต้องข้ามหลายอย่างในชีวิต เป็นสัญลักษณ์ของความอ่อนแอของผมอยู่พอสมควร ก็เลยไม่ค่อยชอบพูดถึงผลงานที่ตัวเองทำเท่าไหร่
พูดจริงๆ ผมไม่ชอบเป็นศิลปินนะ อันนี้พูดจริง ไม่ได้กวน (ยิ้ม)
ศิลปินไม่ใช่อาชีพที่ผมชอบทำ คือพอก้าวเข้ามาแล้วก็ตั้งใจทำให้เต็มที่ ผมชอบทำงานศิลปะ มีความสุขเวลาได้ทำ เพียงแต่ไม่ชอบอาชีพนี้

ทำไมถึงไม่ชอบอาชีพศิลปิน?
ผมชอบมีอิสระมากกว่ากรงของคำว่า ‘อาชีพ’
การมีอาชีพศิลปินทำให้ต้องทำบางอย่างที่ไม่ค่อยชอบทำ ไม่ชอบเป็นจุดเด่นในงาน ไม่ชอบเป็นจุดสนใจ บางทีต้องกลั้นใจทำอะไรหลายอย่าง
ถ้าแบบนั้นอะไรคืออาชีพที่อยากทำล่ะ?
ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เท่าไหร่หรอก แต่ตอนเด็กชอบสอนหนังสือ แล้วก็ฝันอยากเป็นนักเขียน จริงๆ เรียกว่านักหนังสือพิมพ์ดีกว่า
แต่ว่าพอมาเจอศิลปะ ก็ดีที่มันช่วยบำบัดผมได้ เหมือนเป็นคำตอบอะไรสักอย่างที่มาช่วยบำบัด ถ้าไม่มีคงเป็นบ้าไปละ
ก็มีช่วงที่พะอืดพะอมอยู่ในการเป็นศิลปิน บางทีทำให้ไม่ชอบตัวเอง สร้างอีโก้พาผมเถลไถลออกนอกทาง รู้สึกว่าผมเป็นศิลปินที่ไม่ดี เพราะว่าผมไม่ชอบ




พูดได้เลยไหมว่า การทำงานของคุณเป็นการบำบัด Mental Health ของตัวเอง?
ใช่เลย เป็นเรื่องการบำบัดตัวเอง
สมัยเด็กเป็นคนเรียนเก่ง แล้ววันหนึ่งเกิดเกเร ไม่ชอบเรียน จนมาเจอศิลปะและมันช่วยให้ใช้เป็นเกราะป้องกันตัวเองได้ เป็นสิ่งที่รองรับความล้มเหลวได้ จากสภาวะของเด็กไทยสมัยนั้นต้องเจอความหวังจากพ่อแม่ ความกดดันว่าต้องเป็นอย่างนู้นอย่างนี้
ศิลปะช่วยให้อำพรางตัวเองจากความไม่มั่นใจหลายอย่างในสังคม การมีศิลปะทำให้ผมมั่นใจที่สร้างคาแรกเตอร์ศิลปะขึ้นมา ผมใช้ศิลปะเป็นเครื่องบำบัดมาตลอด




ทุกวันนี้ก็ยังทำงานศิลปะอยู่?
ทำ ทำตลอดเลย ผมก็พยายามเปลี่ยนอะไรทำไปเรื่อยๆ ช่วงนี้ก็อยากอ่านหนังสือมากขึ้น แล้วผมอยากลองทำหนังสือ ก็ลองฝึกวาดภาพประกอบอยู่
ศิลปะมีความหมายกับคุณมากแค่ไหน
ผมคิดว่าศิลปะอยู่กับชีวิตผมมานานมากกว่าที่คนจะเข้าใจ สำหรับผมศิลปะไม่มีหน้าที่ต้องตอบคำถามใคร ไม่มีหน้าที่ต้องไปอวดใคร
ศิลปะอยู่กับผมแบบเป็นธรรมชาติ อยู่กับผมเสมอ ตอนนี้ผมคิดว่าศิลปะไม่ได้รับใช้ผมแล้ว แต่เราอยู่ด้วยกันเป็นเพื่อนกันมากกว่า
ผมรู้สึกว่าบางวันศิลปะก็ลากผมไปทำนู่นทำนี่ บางวันผมก็ลากศิลปะไปทำนู่นทำนี่ ได้ทดลองอะไรหลายอย่าง ผมคิดว่าผมรักศิลปะมากกว่าที่คนคิดก็ได้ เลยไม่ชอบให้ศิลปะไปเป็นเครื่องมือต่อรองอะไรก็ตาม






นิทรรศการครั้งนี้สะท้อนตัวตนของ ชาติชาย ปุยเปีย มากน้อยแค่ไหน?
ตอบยาก คิดว่าน่าจะเยอะอยู่นะ … สิ่งที่ผมเห็นคือพัฒนาการของตัวเอง ผมแบ่งช่วงชีวิตตัวเองกับศิลปะเป็น 3 ช่วง ช่วงแรกเหมือนเป็นนักเรียน เรียนจบมาหลายปีก็ทำงานแบบนักเรียนนะ คือเหมือนทำเป็นโปรเจกต์ส่งอาจารย์ ทำให้เสร็จแล้วเอาไปโชว์
มีจุดเปลี่ยนในชีวิตผมคือตอน สืบ นาคะเสถียร ยิงตัวตาย รู้สึกว่าสิ่งที่ทำอยู่ไร้สาระชิบหาย (หัวเราะ) ผมรู้สึกว่าศิลปะต้องมีความหมายมากกว่านี้ ต้องเกี่ยวพันกับสังคม ช่วงนั้นรู้สึกว่าผมเปลี่ยนไป ผมอยากให้ศิลปะสื่อสารกับสังคม
แต่ยุคที่ 3 ก็คือเบื่อ ผมรู้สึกว่าศิลปะไม่เกี่ยวกับคนอื่นแล้ว ผมจะอยู่กับมัน แค่เรากับเขา ซึ่งศิลปะกับผมมีการเปลี่ยนแปลงตลอด เหมือนความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไป
ศิลปะทำให้คุณเข้าใจตัวเองมากขึ้นไหม?
ศิลปะช่วยผมหลายครั้งเหมือนกัน แต่บางครั้งก็ทำให้ผมมืดบอด ทำให้ผมเป็นคนใจร้าย ไม่มีน้ำใจ หรือพูดจาหักหาญคนได้ ศิลปะเป็นอาหารของอีโก้ได้เหมือนกัน





มีอะไรที่อยากให้คนชอบผลงานของคุณเห็นในนิทรรศการ?
ผมอยู่เงียบๆ จนไม่ค่อยคิดแล้วละ ไม่รู้ว่าจะมีคนชอบผลงานของผมอยู่หรือเปล่า ผมไม่ค่อยมั่นใจตัวเองหรอก โลกนี้ก็มีคนเก่งๆ เยอะ
บอกตรงๆ เรื่องที่ผมไม่ได้รักอาชีพศิลปิน ผมคิดว่าเป็นความคิดที่ตลกนะ ก็ไม่ค่อยกล้าบอกใครหรอก แต่มันทำให้ผมไม่กล้าไปเคลมอะไรขนาดนั้น
ผมก็แค่อยากซื่อสัตย์กับสิ่งที่เป็น เป็นแบบไหนก็ขอให้เป็นแบบนั้น

อะไรคือความสุขของชีวิตคุณในตอนนี้?
สมัยก่อนมีเงินใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อทำให้มันเวอร์ไม่ชอบแล้ว ตอนนี้ผมใช้ชีวิตเหมือนคนเกษียณกินบำเหน็จ ใช้ชีวิตประหยัดๆ คนมันแก่แล้ว แต่ผมชอบนะ ผมได้ออกกำลังกาย ได้ใช้ชีวิตกับธรรมชาติบ้าง ได้อยู่กับลูก ได้ไปแฮงก์เอาต์กับน้องๆ ได้อ่านหนังสือ นั่งฟังเพลงหมอลำ นั่งวาดรูปได้ แต่ว่างานอะไรแรงๆ ภาษาแรงๆ ที่เคยทำคงผ่านไปแล้วละ

อยากรู้จักตัวตนของ ชาติชาย ปุยเปีย ให้ลึกซึ้งกว่าเดิม แวะไปชมนิทรรศการ บ้า น จับพระจันทร์ | ชาติชาย ปุยเปีย จัดแสดงจนถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2569 ที่ชั้น 8 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เปิดให้เข้าชมทุกอังคาร-อาทิตย์ 10.00-20.00 น.
Facebook: https://www.facebook.com/baccpage
Instagram: https://www.instagram.com/baccbangkok/
Website: https://www.bacc.or.th/