- เรื่องนี้จะพาทุกคนไปรู้จัก ‘กาดริป’ ที่ครบถ้วนทุกรายละเอียดของ ‘กา’ ที่ใช้ดริปกาแฟ หลากรุ่น หลายแบรนด์ ที่แตกต่างกันทั้งรูปร่าง ขนาด วัสดุ รวมถึงจุดเด่นข้อด้อยให้ประกอบการตัดสินใจเลือก
- สำหรับสายดริปแล้ว กาเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยควบคุมน้ำเวลารินลงบนกาแฟ และมีส่วนสำคัญต่อรสชาติกาแฟถ้วยนั้นด้วยเช่นกัน
“กาอะไรดีอะแก?”...
เอ๋ เพื่อนผู้ไม่ดื่มกาแฟ แต่เป็นขาประจำร้านกาแฟดริป เอ่ยถามขึ้นมาในบ่ายวันหนึ่ง
ทั้งงง ทั้งตื้นตัน จู่ๆ ไอ้เอ๋อยากได้กาปากยาว สงสัยกลิ่นหอมๆ ของกาแฟทำให้มันเริ่มจะอยากดริปกาแฟดูบ้างละมั้ง ไม่รอช้า ทำหน้าที่เพื่อนผู้แสนดี เสิร์ชหาสารพัดกากะเอามาประเคนให้เอ๋เลือก ใส่คำค้นลงไปโลด กาปากยาว อ่อ Long Neck Kettle ซินะ อู้ย เด้งมาเพียบ มีหลายชื่ออีก Drip Kettle, Swan Neck Kettle, Goose Neck Kettle… ก็ถ้าจะเอาคอยาวๆ ก็ต้องเป็น Giraffe Neck Kettle ล่ะสิ บ้า! กาคอยีราฟไม่มีโว้ย
อู้ย มันเยอะจนไม่รู้จะเริ่มไงเลยอ่ะเอ๋ โอเค งั้นเริ่มจากที่คุ้นตาคุ้นมือ ที่ร้านใช้ก่อนละกัน
ตัวแรกจากญี่ปุ่น นี่เลยแก “Hario Buono” ฉายาราชากาดริป เพราะทำมานานก่อนเจ้าอื่น ทรวดทรงมันออกทึบๆ ตันๆ หน่อย แต่เหมาะกับร้านกาแฟเพราะจุน้ำได้ 1.2 ลิตร เอาไว้ดริปทีละหลายๆ แก้วได้สบายเลย เห็นว่าดีไซน์ตัวกาทำล้อกับดริปเปอร์ Hario V60 มีเลเยอร์เป็นชั้นๆ ใช้คู่กันเหมือนคู่ตุนาหงันเลยนะ ข้อเสียนิดเดียวตรงปลายปากเป็นลำอ้วนๆ พอเทน้ำแล้วชอบพุ่งออกมาเยอะ สรุป สวยแต่คุมน้ำยากนิดนึง
ต่อๆ “Kalita Wave Pot” ตัวนี้หล่อตรงด้ามจับกับหูฝากาเป็นไม้ เคยเห็นที่คุณซาน-ร้านพาคามารา เป็นตัวแทนเอามาขาย มีไม้โอ๊กสีน้ำตาลเข้ม กับสีดำไม่รู้ไม้อะไรแต่อย่างหล่ออ่ะแก ทรวดทรงสูงเรียวกว่า Hario Buono ความจุ 1 ลิตร ฐานคอปากใหญ่กว่าปลายปากที่เรียวเล็ก แถมติ่งปลายเป็นจะงอย ทำให้น้ำไหลเป็นเส้นเล็กดี คุมน้ำได้ช้าสม่ำเสมอดี แต่ส่วนตัวฉันว่ามันหนักไปนิดอ่ะ เพราะตัวกาทำจากสเตนเลสเนื้อดี หนา ทนกระแทก ยิ่งใส่น้ำไปเกือบเต็มเวลาดริปจะเมื่อยข้อมือนิดหน่อย
แก้ปัญหาเรื่องน้ำหนัก “Kalita Thin Spout Kettle” ทรวดทรงระหงกว่าเดิม ไซซ์เล็กลงกว่าเดิม เป็น 0.7 ลิตร กะแล้วก็เหมาะกับการชงดริป 1-2 แก้ว ตัวกาเบานะ แค่ 345 กรัม ถือได้สบาย อ่อ! แต่ด้ามจับกับหูฝาไม่ได้เป็นไม้ ฐานคอกับปลายปากไซซ์ใกล้เคียงกันมาก รินน้ำได้ดีพอสมควร
“Takahiro” กาของญี่ปุ่นตัวนี้ ไปลองจับของพี่เกี๊ยกที่ร้าน Ink&Lion มา น้ำหนักเบา ขนาดปากของกาเล็กทำให้คุมน้ำได้ดี พลิ้วมือมากพลอยทำให้รินน้ำได้นิ่งไปด้วย เวลาซื้อแกต้องย้ำด้วยนะว่า เอาแบบปากเล็ก เพราะมีให้เลือกแบบปากเล็กกับปลายปากธรรมดา หน้าตาอาจเรียบๆ แต่ดีกรีสูง เป็นกาที่แมกกาซีนบาริสตา (Magazine Barista) หยิบมาแนะนำว่าเหมาะกับการดริปที่สุด มี 2 ไซซ์ คือขนาดเล็ก 0.5 ลิตร กับขนาดใหญ่ 0.9 ลิตร วัสดุทำจากสเตนเลสเนื้อดี ประณีต เพราะทำด้วยมือทุกใบ
อีกตัวที่ในเว็บไซต์อุปกรณ์ชงกาแฟแนะนำว่า คุ้มค่าสมราคากับคุณภาพ “Bonavista Stovetop Kettle” มาพร้อมเตาไฟฟ้าขนาดพอดีกา กึ่งใช้งานในบ้าน คุณภาพกับราคาสูสีกัน ทรงอ้วนกลมสมอเมริกันลุค จุน้ำได้ 1 ลิตร ว่ากันว่า ใช้เทน้ำดี รินเป็นสายไหลช้า สรุปว่าถูก สะดวก ง่าย เสียตรงหล่อไม่เท่าตัวอื่นๆ
แต่ถ้าเน้นที่ราคาย่อมเยา แกลองเสิร์ชคำว่า “Tiamo Kettle” เป็นกาจากไต้หวันเลยแกเอ๊ย มีให้เลือกเพียบ เคยเห็นแค็ตตาล็อกแบรนด์นี้นะ โอ๊ย มีเป็นสิบๆ รุ่น แต่ละรุ่นมีชื่อเป็นรหัสตัวเลข เพราะรุ่นเยอะจริงๆ รูปร่างหน้าตาจะคลับคล้ายคลับคลากับแบรนด์ดังๆ นั่นแหละ
แต่วัสดุอาจจะคนละเกรดกัน ราคาก็เลยเบากว่าเห็นๆ ถามว่าใช้ดีไหม ฉันเคยใช้ที่ร้านก็โอเคนะ น้ำหนักเบา วิถีตอนหยดน้ำก็พอได้ แต่ก็แบบ ไงล่ะ ชื่อแบรนด์อาจจะหล่อน้อยกว่าคนอื่นเขาสักหน่อยน่ะ
ส่วน “YinLiHu” อ่านว่า อิ๋นลี่หู เด่นตรงน้ำหนักเบามากเมื่อเทียบกับตัวอื่น แต่บอกก่อนนะว่า ตัวนี้งานจีนเมด คือสเตนเลสเบ๊าเบาแล้วก็บ๊างบาง ทรงปากคอยาวแต่ปลายของกาบางใบก็โค้งเทหยดได้ดี แต่บางใบก็ไม่นะ เรียกว่าแล้วแต่ดวง กะโหลกกะลาราคาก็ตามนั้น เคยเจอแถวยูเนียนมอลล์ 700-1,100 บาท แก๊ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ คนที่ร้านเลือกใช้ใบนี้บ่อยที่สุดแล้ว เหตุผลเพราะเบาและทรงกาใส่น้ำตอนดริปแล้วถนัดมือสุด
หรือจะลอง “Brewista” ใบนี้เกิดหลังใครเพื่อนเลย ทั้งสวยทั้งดี ฉันว่าเป็นกาที่สวยด้วยเก่งด้วย เหมาะกับการใช้แข่งชงว่ะ เพราะเด่นสุดๆ ตรงฟังก์ชันการตั้งอุณหภูมิน้ำที่แม่นยำ แถมตั้งได้ละเอียดตั้งแต่ 104-212 องศาฟาเรนไฮต์ (ประมาณ 40-100 องศาเซลเซียส) ดีไซน์ดูไม่เทอะทะ แถมลุคอบอุ่นด้วยด้ามจับและจุกเปิดปิดทำจากวัสดุเลียนแบบธรรมชาติ มองดูคล้ายไม้มาก ส่วนบอดี้จุน้ำได้ 0.6 ลิตร ทำจากสเตนเลสอย่างดี มีให้เลือกหลายสีเลย ทั้งสีขาว ดำ เงิน โกลด์ โรสโกลด์ ฯลฯ
ว่ากันถึงหน้าตากากันบ้าง ถ้าชอบแนวกุ๊กกิ๊กการ์ตูนแบบกาเคลือบสี ลองดูพวกกาอีนาเมล (Enamel)
ตัวที่ร้านมีคือ “Kalita Coffee Master Pelican” รุ่นนี้คาริตะทำมา 2 สี คือสีขาวกับสีแดง แล้วก็มีให้เลือกแค่สีเท่านั้นนะ ส่วนขนาดไม่ให้เลือก เพราะมีขนาดเดียวคือ 1 ลิตร นอกจากสีสวยแล้ว จุดเด่นของตัวนี้อยู่ตรงปลายปากที่แหลมย้อยเป็นจะงอย ทำให้หยดน้ำเวลาดริปได้แม่นยำขึ้น ข้อเสียคือใหญ่ เทอะทะและหนัก แต่ที่ทำให้ต้องลังเลใจในการเลือกมากๆๆ ก็คือฝากาหลุดง่ายจ้า พี่คนนึงเล่าให้ฟังว่า ใช้กานี้ดริปกาแฟแล้วฝากาตกใส่เคมเมกแตกมาแล้ว
ที่เห็นนิยมใช้กันอีกตัว คือ “Tsuki Usagi Jirushi Slim Pot” ดำ ขาว แดง น้ำตาล ฟ้า เหลือง… เลือกสีตามใจชอบเลยแก มี 0.7 ลิตร กับ 1.2 ลิตร เป็นงานฝีมือที่ทำขึ้นทีละส่วน ผลงานการออกแบบของคุณยามาดะ โคมิน นักออกแบบผลิตภัณฑ์โลโก้กระต่ายบนดวงจันทร์
กาอีกประเภทที่เน้นหน้าตาวิจิตร เห็นแล้วสะดุดในความหล่อ ก็ต้องพวกกาทองแดง
“Kalita Copper Pot 600” ไซซ์กะทัดรัดสวนทางกับราคามาก (เท่าที่เคยเจอราคาประมาณ 80 ดอลลาร์) พื้นผิวเคลือบทองแดง แต่ตัวด้านในเป็นสเตนเลส ผิวตะปุ่มตะป่ำให้รู้สึกถึงงานตีมือที่ทำด้วยความประณีต ปลายปากเรียวเล็กหยดน้ำได้ดี แต่จุน้ำได้น้อยหน่อย
อีกตัว “Kalita Copper Pot 900” ทรวดทรงชดช้อย หน้าตาอะลาดิน แต่ชั้นว่ามันเวอร์สำหรับการใช้งานไปหน่อย และตัวนี้ตอนใช้ต้องระวังหูจับร้อน
ถ้าหากันจริงๆ ทั้งฮาริโอ ทั้งคาริตะ ก็มีกาทองแดงสำหรับพวกบ้าทองแดง แต่ถ้าเป็นกาทองแดงที่ฉันชอบสุด ไม่ใช่ของแบรนด์ใหญ่ทั้งสองนี่เลย
ฉันชอบ “Asahi Copper Kettle” เห็นครั้งแรกก็ปิ๊งเลย ไม่ใช่เพราะชื่อไปพ้องกับยี่ห้อเบียร์ญี่ปุ่นหรอกนะ แต่เพราะรูปร่าง หน้าตา แล้วก็ราคาพอคบกันได้นี่แหละ พวยกายาวแหลม รินน้ำได้เป็นเส้นเรียวเล็ก ด้ามจับกับหูฝาเป็นไม้สีอ่อน ดูอบอุ่นดี มันเป็นกาทองแดงเคลือบสเตนเลสน่ะแก แปลว่า วางบนเตาไฟฟ้าน้ำในกาไม่ร้อนนะเว้ย ต้องต้มน้ำในกาอื่น หรือเอาน้ำร้อนมาใส่ก็ได้ ยุ่งยากหน่อยแต่หล่อแน่ ฉันเคยเอากานี้ไปตั้งเตาแก๊ส แกเอ๊ย ไฟลุกจะไหม้หูกาเอาน่ะ
สาธยายไปเรื่อยๆ กระทั่งเริ่มเห็นแววตาไอ้เอ๋ดูว่างเปล่า เออ…สงสัยฉันจะให้ข้อมูลเยอะไปจนมันมึน เอ๋นั่งนิ่งเงียบก้มลงดูดโกโก้จากเหยือกตรงหน้า หน้าตาดูเบลอๆ เลื่อนลอยไร้จุดหมาย
” แล้วแกอยากได้สเตนเลส อีนาเมล หรือกาทองแดงล่ะ ?”
” ไม่รู้อ่ะ… อะไรก็ได้มั้ง” เอ๋ตอบพลางเขี่ยน้ำแข็งเข้าปากตาม
“อ้าว แล้วแกอยากตั้งเพลทไฟฟ้าได้ป่ะล่ะ?” ฉันพยายามช่วยเอ๋ตัดชอยส์สุดฤทธิ์ โดยไม่ได้เตรียมใจกับคำตอบที่ได้ยิน
