

- ONCE พาทุกคนเดินทางชมงาน BAB2024 มากถึง 7 สถานที่ ตามเส้นทางแนะนำจากทางเบียนนาเลแบบเป๊ะๆ ทั้งลำดับการเดินทาง เวลาที่ใช้ เพื่อบอกเล่าวิธีชมผลงานแต่ละชิ้นให้คุ้มค่าคุ้มเวลามากที่สุด
พูดถึงงานนิทรรศการศิลปะที่ไม่ใช่แค่ชื่นชมความงาม แต่ยังได้เดินทางท่องเที่ยวไปกับสถานที่ที่น่าค้นหาต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร ย่อมหนีไม่พ้นงาน Bangkok Art Biennale 2024 ที่ลากยาวข้ามปีถึง 2025
BAB2024 มีการจัดแสดงมากถึง 11 จุดทั่วกรุง ซึ่ง ONCE ได้เจอความน่าสนใจในเว็บไซต์ออฟฟิเชียลของงานได้แนะนำวิธีการเดินทางชมงานแบบถูกต้อง (อย่างน้อยก็ในมุมของผู้จัดงาน) เอาไว้หมดแล้ว ทั้งเส้นการเดินทางที่บอกว่า เราควรเริ่มจากสถานที่ไหน และเดินทางไปชมงานอาร์ตที่ไหนต่อ ไปจนถึงเราควรใช้เวลาเท่าไหร่ในการชมผลงานแต่ละชิ้น
ผู้จัดงานได้แบ่งการเดินทางออกเป็น 2 เส้นทาง คือ City Route ซึ่งประกอบไปด้วย ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ วันแบงค็อก หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร และเซ็นทรัลเวิลด์ รวมทั้งสิ้น 4 แห่ง
ขณะที่อีกเส้นทางคือ River Route เส้นทางชมงานตามสถานที่สำคัญริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีทั้งมิวเซียม สยาม วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามฯ วัดอรุณราชวรารามฯ วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป และวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร รวมทั้งสิ้น 7 แห่ง
ONCE ตัดสินใจเดินทางตามเส้นทาง River Route ตามคำแนะนำจากทางผู้จัดงาน เริ่มเดินทางจาก มิวเซียม สยาม ไปต่อที่ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามฯ ล่องเรือข้ามแม่น้ำไปที่ วัดอรุณราชวรารามฯ และนั่งรถต่อไปที่ วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ก่อนจะเดินทางไปยังย่านท่าพระจันทร์ เพื่อชมงานต่อที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ตามด้วย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป และปิดงานที่ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร
เรานึกสนุกลองทดสอบเวลาชมแต่ละสถานที่ตามที่ผู้จัดงานแนะนำ เพื่อพิสูจน์ว่าการเที่ยวชม BAB2024 ด้วยแพลนที่เขาจัดมาให้เป๊ะๆ แบบนี้ จะสนุกกว่าการชมงานตามใจฉันเหมือนคนทั่วไปไหม?
จุดที่ 1 : มิวเซียม สยาม
เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ 10.00-18.00 น.
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/jneZXRmxkhuXBUTC9
คำแนะนำในการชมจากผู้จัดงาน : 30-40 นาที
เราเริ่มต้นตามคำแนะนำของทางออฟฟิเชียลด้วยการนั่งรถไฟฟ้า MRT มาลงที่สถานีสนามไชย เพื่อเริ่มทัวร์การดูงาน BAB2024 ที่นี่ ทันทีที่เข้าสู่พื้นที่ของมิวเซียม สยาม เราก็เห็นผลงานศิลปะชิ้นแรกทันที เป็นโครงเหล็กทรงโค้งคล้ายสะพานตั้งอยู่กลางสนามหญ้าหน้าตึกใหญ่ของมิวเซียม สยาม
นี่คือผลงานของ Bruce Asbestos ศิลปินจากสหราชอาณาจักร ซึ่งเจ้าโครงเหล็กนี้กลายเป็นหนึ่งในผลงานศิลปะยอดนิยมที่คนเดินทางมามิวเซียม สยาม ให้ความสนใจ แม้ว่าหลายคนไม่ได้รู้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของงานเบียนนาเลก็ตาม บางคนก็ใช้ผลงานศิลปะชิ้นนี้เป็นที่หลบแดดก็มีเช่นกัน
ภายในตึกใหญ่ยังมีผลงานศิลปะอยู่อีกชิ้น กับห้องนิทรรศการทางขวาซึ่งเข้าชมฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ชิ้นงานที่ประทับใจเรามาก คือวีดิทัศน์และภาพถ่ายจาก Jasmine Togo-Brisby ศิลปินชาวออสเตรเลีย บอกเล่าเรื่องราวการสูญเสียภาษาถิ่น และความแตกต่างของคนระหว่างยุคสมัย ซึ่งก็คือเรื่องราวของเธอกับแม่นั่นเอง
กลายเป็นผลงานการพายเรือวนแบบไร้จุดหมายในอ่าวของนิวซีแลนด์ ควบคู่ไปกับบทเพลงที่ไม่เป็นภาษาเพื่อสะท้อนถึงการหายไปของภาษาถิ่นที่สูญพันธ์ุ จุดนี้เราใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่าในการชมความงามของวิดีทัศน์และภาพถ่าย พร้อมกับซึมซับความรู้สึกในเรื่องราวที่ผู้สร้างสรรค์ต้องการถ่ายทอดออกมา
นอกจากนี้ ยังมีห้องนิทรรศการกับผลงาน Suskewiet Visions จากศิลปิน David Shongo & Filip Van Dingenen ที่หยิบกีฬาท้องถิ่นเก่าแก่ของเบลเยียมอย่าง Suskewiet การแข่งขันนั่งฟังเสียงนกผ่านการขีดสีเทียนเสียงนกที่ได้ยินลงบนแท่งไม้ มาเป็นผลงานที่ถ่ายทอดเรื่องราวในเชิงศิลปะ ทั้งตัวแท่งไม้ที่ใช้ในการแข่งขัน เสียงนกภายในห้องเพื่อให้เข้าถึงบรรยากาศ และวีดิทัศน์การแข่งขันจริง เพื่อให้เราเข้าใจตัวตนของกีฬาโบราณนี้ที่ยังมีชีวิต ทั้งยังแสดงถึงความสัมพันธ์ในการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ
รวมถึงยังมีผลงานจาก เจษฎา ตั้งตระกูลวงศ์ กับผลงานเด่นคือการนำไม้ไผ่มาเสียบฐานตั้งชวนให้คนค้นหาความหมาย ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งงานที่ดึงดูดสายตานักท่องเที่ยวได้ดีเช่นกัน
คำแนะนำจาก ONCE
โดยภาพรวมแล้ว การใช้เวลาประมาณ 30-40 นาทีที่ มิวเซียม สยาม ถือว่าเป็นไอเดียที่เข้าใจได้ โดยเฉพาะหากอยากซึมซับผลงานอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะผลงานของ Jasmine Togo-Brisby กับผลงานของ David Shongo & Filip Van Dingenen ที่ต้องใช้เวลาดูวีดิทัศน์สักหน่อย หากต้องการเข้าใจความรู้สึกของชิ้นงานอย่างเต็มที่
หากใครมาชมแล้วไม่ได้อินกับผลงานที่ตั้งอยู่ในส่วนมิวเซียม สยาม เท่าไหร่นัก ก็คงไม่จำเป็นต้องใช้เวลาอยู่ที่นี่ถึงครึ่งชั่วโมง แค่ 20 นาทีไม่เกินนี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
จุดที่ 2 : วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร
เปิดทุกวัน 08.00-19.30 น.
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/oxBVPyBGa7ZyPiGe8
คำแนะนำในการชมจากผู้จัดงาน : 40-60 นาที
เดินข้ามถนนมานิดเดียว เราก็มาถึงวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือวัดโพธิ์ เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งต้องถือว่าคึกคักมากๆ เพราะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่ทั้งมาทำบุญที่วัด รวมถึงมาท่องเที่ยวเพื่อชมความสวยงาม โดยหลายคนก็ไม่ได้รู้ว่ามีงานอาร์ตซ่อนอยู่ที่นี่ด้วย
ที่วัดโพธิ์มีผลงานทั้งหมด 3 ชิ้น ชิ้นแรกเป็นผลงานจาก นักรบ มูลมานัส กับงานหินอ่อนแกะสลักที่ได้แรงบันดาลใจจากจารึก รูปปั้น และภาพวาดในวัดโพธิ์แห่งนี้ กลายเป็นผลงานใหม่ที่มีความร่วมสมัยจากโลกตะวันตกและตะวันออก ถือว่าเป็นหนึ่งในผลงานที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวพอสมควร
เดินต่อเข้าไปบริเวณด้านหน้าเจดีย์สามองค์ เป็นซุ้มผลงานของ ญาณวิทย์ กุญแจทอง กับผลงาน “จะนับวันคืนลับไม่กลับคืน” ซึ่งเป็นสถานที่รวมภาพถ่ายเพื่อสะท้อนการสูญเสียของธรรมชาติจากการสร้างโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ตรงนี้เป็นจุดที่สามารถใช้เวลาได้มากที่สุดจาก 3 ผลงานในวัดโพธิ์ และได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวไม่น้อยเช่นกัน และยังเป็นแลนด์มาร์กสวยๆ ใช้ถ่ายรูปได้ด้วยนะ
ขณะที่ผลงานชิ้นสุดท้ายคือ ผลงานหินแกรนิตแกะสลักชื่อว่า Eyes จาก Louise Bourgeois ซึ่งเห็นได้ชัดตามชื่อว่า เจ้าหินทรงกลมขนาดใหญ่ 2 ชิ้นนี้คือดวงตา ส่วนหินขนาดเล็กที่แทนตาดำในผลงาน ยังสามารถสะท้อนภาพออกมาในลักษณะของกระจกได้ด้วย เป็นไปตามความต้องการของศิลปินที่ต้องการสื่อว่า ดวงตาเป็นภาพสะท้อนความรู้สึกของมนุษย์ตามที่คนพูดกันหรือไม่?
น่าเสียดายที่ผลงานชิ้นนี้ตั้งอยู่ในสวนมิสกวันทางด้านหลังของวัด ทำให้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเข้ามาชมเท่าไหร่นัก อย่างไรก็ดี เห็นได้ชัดเจนว่า ศิลปินต้องการให้ผลงานชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของทัศนียภาพอันสวยงามภายในวัด เพื่อให้ภาพที่คนชมผลงานได้เห็นความแตกต่างอย่างลงตัว ผ่านการมีอยู่ของงานชิ้นนี้ และเป็นศิลปะรูปแบบหนึ่งเช่นเดียวกัน ผ่านตาของผู้ชมงานเอง สอดคล้องกับตัวผลงานได้เป็นอย่างดี
คำแนะนำจาก ONCE
การใช้เวลาอย่างน้อย 40 นาที เพื่อชมงานในวัดโพธิ์ดูนานเกินความจริงไปสักหน่อย เราสามารถใช้เวลาสัก 20 นาทีก็สามารถเข้าใจผลงานทั้ง 3 ชิ้นได้อย่างครบถ้วนแล้ว
อย่างไรก็ตาม วัดโพธิ์คือหนึ่งในสถานที่อันสวยงาม และมีคุณค่ามากมายทั้งทางศาสนา ความเชื่อ ประวัติศาสตร์ และศิลปะแขนงต่างๆ รวมถึงในปัจจุบันก็มีตลาดภายในวัดเพื่อจับจ่ายสินค้า ทั้งของฝากและอาหารเครื่องดื่ม ดังนั้น การใช้เวลาอย่างน้อยสัก 40 นาทีเพื่อท่องเที่ยววัดโพธิ์ในภาพรวมก็ถือเป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยมมาก
จุดที่ 3 : วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร
เปิดทุกวัน 08.00-18.00 น.
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/41e5C9c5cqoUgGJt7
คำแนะนำในการชมจากผู้จัดงาน : 20 นาที
เรานั่งเรือข้ามฟากสู่ฝั่งธนฯ และเดินทางมาที่ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือวัดแจ้ง ที่นี่มีผลงานจากงานเบียนนาเลอยู่เพียง 1 ชิ้น ตั้งอยู่กลางแจ้งใกล้ริมชายฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งสามารถเห็นวิวริมน้ำได้อย่างชัดเจน
นี่คือผลงานของ หริธร อัครพัฒน์ ภายใต้ชื่อ The Horde เป็นผลงานประติมากรรมไฟเบอร์กลาสขนาด 2-5 เมตร ถูกนำเสนอแทนที่ของคนยักษ์ (ที่เราเห็นคือส่วนหัว ลำตัว จมูก และดวงตา) กำลังยืนสนทนาโต้ตอบกันอยู่
น่าเสียดายที่พื้นที่นี้ถูกกั้นไว้ ทำให้เราไม่สามารถเดินเข้าไปชมใกล้ๆ ได้ แม้ว่าในข้อมูลบรรยายงานชิ้นนี้บอกไว้ว่า ศิลปินตั้งใจวางจุดยืนของคนยักษ์เหล่านี้ให้ห่างกันเพื่อให้คนสามารถเข้าไปชมผลงานได้ใกล้ๆ ก็ตาม ทำให้เราพลาดความรู้สึกที่จะได้เดินเข้าไปเหมือนอยู่ท่ามกลางการสนทนาของคนยักษ์
คำแนะนำจาก ONCE
เราทำได้เพียงเดินวนไปวนมาเท่านั้น จนได้ข้อสรุปว่าการมาชมงานเบียนนาเลที่วัดอรุณฯ ซึ่งมีแค่ชิ้นเดียว ใช้เวลาสัก 10 นาทีถือว่าเพียงพอแล้ว เนื่องจากทำได้แค่วนดูอยู่รอบนอก
จุดที่ 4 : วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร
เปิดทุกวัน 09.30-17.30 น.
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/Q1UM4Sn3fKo775bg7
คำแนะนำในการชมจากผู้จัดงาน : 20-30 นาที
นั่งรถต่อจากวัดแจ้งมาประมาณ 1 กิโลเมตร เราก็มาถึงวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร โดยมีผลงานของเบียนนาเลจัดแสดงทั้งหมด 2 ชิ้น
ชิ้นแรกอยู่บนอาคารโดยเป็นวีดิทัศน์จาก Jessica Segail ศิลปินชาวสหรัฐอเมริกาที่ถ่ายทำวิดีโอของเธอกับเสือ และจระเข้ ความยาวคลิปละ 8 นาที เพื่อสะท้อนปัญหาของสัตว์ในธรรมชาติที่ศิลปินรายนี้มองว่ากลายเป็นของเล่นของมนุษย์ในปัจจุบัน
เราได้ใช้เวลาชมวีดิทัศน์ทั้ง 2 ตัว นอกจากเนื้อหาที่สะท้อนผ่านชิ้นงานอย่างชัดเจน เรายังได้ชมความสวยงามของภาพที่สะท้อนออกมาผ่านการแหวกว่ายน้ำระหว่างสัตว์กับมนุษย์ และสะท้อนถึงความเชื่อในการทำงานของศิลปินรายนี้ที่เรียกว่า “เล่นกับความเสี่ยง” อีกด้วย
อีกชิ้นอยู่ที่สวนภายในวัด เป็นผลงานศิลปินชาวอิตาลีจากเมืองเนเปิลส์ Lello Esposito ที่ได้นำเรซินมาทำเป็นประติมากรรมเขาสัตว์สีส้ม เพื่อสื่อถึงการบูชาพระแม่ธรณี โดยตัวของ Esposito ได้ขอให้งานของเขามาตั้งกลางสวนในวัดประยุรฯ เพื่อต้องการสื่อถึงความสอดคล้องกับธรรมชาติของผลงาน
เราใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่วัดประยุรฯ แม้ว่าเป็นสถานที่ซึ่งไม่ได้มีนักท่องเที่ยวมากเหมือนกับ 3 สถานที่ก่อนหน้านี้ แต่ผลงานทั้ง 2 ชิ้นจากงานเบียนนาเลในวัดแห่งนี้ ถือว่ามีความน่าสนใจมากกว่าที่คิดไว้ และเปิดโอกาสให้เราได้ใช้เวลาอย่างเต็มที่
คำแนะนำจาก ONCE
ใช้เวลาชมงานเบียนนาเลที่วัดประยุรฯ อย่างน้อย 20 นาที ไปจนถึง 30 นาทีตามคำแนะนำจากผู้จัดงานได้เลย
จุดที่ 5 : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
เปิดวันพุธ-อาทิตย์ 09.00-16.00 น.
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/p1J1nQZQeQsvRZ3u5
คำแนะนำในการชมจากผู้จัดงาน : 40-60 นาที
เข้าสู่เส้นทางที่ 2 ของการชมงานบางกอก อาร์ต เบียนนาเล 2024 กับ River Route ซึ่งจริงๆ แล้วผู้จัดงานแนะนำให้แยกเป็นอีกวัน เพื่อไม่ให้เหนื่อยเกินไป และไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องเวลาในการเข้าชมสถานที่
แต่ ONCE ก็ขอลุยให้สุดไปเลยในวันเดียว เพราะการเดินทางจากวัดประยุรฯ มาที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ใช้เวลาเพียงประมาณ 20 นาทีเท่านั้น (ด้วยรถจักรยานยนต์)
การชมงานเบียนนาเลที่นี่ต้องเสียค่าเข้าชม 30 บาท ซึ่งเป็นอัตราปกติของพิพิธภัณฑ์ โดยงานส่วนใหญ่ที่อยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร จะอยู่ในตึกด้านหน้าเกือบทั้งหมด
ผลงานส่วนใหญ่ที่นำมาจัดแสดง จะเป็นงานรูปปั้น ภาพวาด วัตถุโบราณ และประติมากรรมต่างๆ พูดง่ายๆ ก็คือของที่เป็นสิ่งของเป็นชิ้นๆ (object) ที่นำมาแสดงในบางกอก อาร์ต เบียนนาเล 2024 นี้ ถูกนำมาจัดแสดงที่นี่เกือบทั้งหมด
ชิ้นงานที่โดดเด่นและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ก็หนีไม่พ้นชิ้นงานของ Ravinder Reddy กับผลงานศีรษะผู้หญิงสีน้ำเงินดวงตาเบิกโพลงสะท้อนถึงพลังของผู้หญิงตามความตั้งใจของศิลปิน
อีกหนึ่งผลงาน คมกฤษ เทพเทียน กับรูปปั้นสิงโตทองที่แปะด้วยทองคำเปลวแบบที่เราพบได้ทั่วไปตามวัดต่างๆ มีผ้าสีมาผูกรอบไว้ พร้อมกับเหรียญเงินบาทบริเวณฐาน เหมือนกับว่าผลงานชิ้นนี้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีคนกราบไหว้เคารพนับถือแบบที่เราพบได้ทั่วไปในสังคมไทย
นอกจากนี้ ยังมีงานรูปปั้นดินเผาในชื่อ Sisters จาก Chiara Camoni ศิลปินชาวอิตาลี ที่สื่อถึงพี่น้องผู้หญิง 2 คนโดยสะท้อนทั้งความเป็นธรรมชาติ สัตว์ มนุษย์ ทวยเทพ ความดี ความชั่ว ชีวิต และความตาย ผ่านผลงานชิ้นนี้ ด้วยรูปลักษณ์ที่แปลกตา และความหมายที่สามารถตีความได้หลากหลายตามแต่จินตนาการของผู้เข้าชม ทำให้ผลงานชิ้นนี้กลายเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อย
อีกหนึ่งชิ้นงานที่ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ คือวีดิทัศน์เรื่อง ถักโลกทอแผ่นดิน จาก จิตติ เกษมกิจวัฒนา และนักรบ มูลมานัส ซึ่งเป็นวีดิทัศน์ 2 จอฉายคู่กันเป็นความยาว 4 นาที สะท้อนความเชื่อมโยงระหว่างโลกตะวันตกและโลกตะวันออก ผ่านเรื่องราวการเสด็จประพาสยุโรปครั้งแรกของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กลายเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่สะท้อนประวัติศาสตร์ของประเทศไทยในยุคเก่าได้เป็นอย่างดี จึงไม่น่าแปลกใจที่งานชิ้นนี้จะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
นอกจากนี้ ยังมีงานอีกชิ้นที่อยู่พื้นที่กลางแจ้งด้านในของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โดยเป็นผลงานจาก Ravinder Reddy งานประติมากรรมสำริด เป็นศีรษะหญิงสาวสีทองขนาดยักษ์ ซึ่งยังคงสื่อความหมายเดียวกับงานชิ้นที่แล้วของเธอ นั่นคือแสดงพลังของสตรีเพศ
คำแนะนำจาก ONCE
มีชิ้นงานมากมายของบางกอก อาร์ต เบียนนาเล 2024 อยู่ที่นี่ ดังนั้น จากคำแนะนำที่ให้ใช้เวลาอย่างน้อย 40 นาทีถือว่าไม่ใช่เรื่องเกินเลย เรียกว่าเป็นเวลาที่กำลังพอเหมาะ แต่หากใครอยากใช้เวลาเพิ่มเติมเป็นสัก 1 ชั่วโมงเพื่อดื่มด่ำผลงานอย่างเต็มอิ่ม ก็ทำได้นะ
จุดที่ 6 : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป
เปิดวันพุธ-อาทิตย์ 09.00-16.00 น.
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/r5ASfxc4ZHkwRbdP7
คำแนะนำในการชมจากผู้จัดงาน : 60-80 นาที
เดินทางต่อมาอีกนิดหน่อย เราก็มาถึงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ที่นี่ต้องเสียค่าเข้าชม 30 บาทตามอัตราปกติ ถือว่าคุ้มค่ามากๆ เพราะมีงานรอเราอยู่มากมาย และเป็นสถานที่ที่เราชอบมากที่สุดจากทุกที่ที่ได้ไปมา
สำหรับผลงานจากเบียนนาเลที่จัดแสดงอยู่ที่นี่ เน้นงานที่มีคอนเซปต์ในตัวเอง โดยทุกชิ้นงานจะมีห้องจัดแสดงส่วนตัวเพื่อเล่าเรื่องของผลงานแต่ละชิ้น
มีงานที่น่าสนใจมากมาย และหลายงานก็เกี่ยวกับความเชื่อในรูปแบบต่างๆ ของมนุษย์ ซึ่งตีความใหม่อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นงานจาก George K. ศิลปินอินเดียกับงานศิลปะสะท้อนความสนใจของเขากับบุคคลข้ามเพศ รวมถึง Chitra Ganesh ศิลปินจากสหรัฐอเมริกาเชื้อสายอินเดียที่ผสานความสนใจในสตรีเพศและเทวตำนาน ผนวกกับการตั้งคำถามถึงอำนาจในสังคมของผู้หญิงที่โดนกดทับ เกิดเป็นผลงานภาพที่มีเนื้อหาดุดัน และเป็นผลงานชิ้นสำคัญที่ต้องมีการติดป้ายว่าเยาวชนควรได้รับคำแนะนำจากผู้ปกครองในการรับชมเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ยังมีผลงานสำคัญของ Agnes Arellano ศิลปินชาวฟิลิปปินส์ที่ได้รับความสนใจมากจากนักท่องเที่ยว กับผลงานเทวรูปเทพี 4 องค์จาก 4 ศาสนา พร้อมกับสัญลักษณ์ทางความเชื่อที่แสดงพลังของผู้หญิง สะท้อนถึงปัญหาของสตรีที่โดนกดทับทางสังคมในฟิลิปปินส์ มาพร้อมกับเสียงดนตรีแปลกประหลาดซึ่งศิลปินแต่งขึ้นเอง ยิ่งบวกกับการจัดแสงที่ดูลึกลับภายในห้อง ทำให้ผลงานชิ้นนี้ทรงพลัง และเล่นกับจิตใจของผู้เข้าชมงานได้ดีมาก
รวมถึงยังมีผลงานของ ศุภวิชญ์ วีสเพ็ญ กับผลงาน Thumb Centric Cosmology มาพร้อมลูกเล่นพิเศษคือเมื่อเราถ่ายภาพด้วยแฟลช จะทำให้ผลงานสะท้อนแสงออกมา เหมือนกลายเป็นผลงานชิ้นใหม่อย่างสิ้นเชิง ถือเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นสำคัญที่ทางเบียนนาเลภูมิใจเสนอ
ที่นี่ยังมีงานที่น่าสนใจของ ปกฉัตร วรทรัพย์ กับงานภาพถ่ายของกลุ่มชาติพันธุ์มานิทางตอนใต้ของไทย ที่นำมาบอกเล่าในมุมมองของศิลปะ สะท้อนถึงความงดงามผ่านความเรียบง่ายของชีวิตมนุษย์
อีกหนึ่งผลงานที่ได้รับความสนใจคืองานแสดงกลางแจ้งของ วิชชุลดา ปัณฑรานุวงศ์ ศิลปินชาวไทยผู้หยิบวัสดุเหลือใช้มาสร้างเป็นแฟชั่นโชว์จำลอง สะท้อนปัญหาวัตุนิยมที่เกิดขึ้นในสังคม จนลืมนึกถึงความยั่งยืนในธรรมชาติ
คำแนะนำจาก ONCE
ยังมีงานศิลปะของเบียนนาเลที่น่าสนใจอีกมากที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป เราบอกได้เลยว่าไม่ใช่เรื่องเกินเลยกับการใช้เวลาที่นี่อย่างน้อย 60 นาทีเพื่อชมผลงาน และหากอยากเต็มอิ่มกับทุกชิ้นงาน เราแนะนำให้คุณใช้เวลาที่นี่ถึง 80 นาทีได้เลย เพราะมีผลงานน่าทึ่งเยอะมากจริงๆ
จุดที่ 7 : วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร
เปิดทุกวัน 09.00-16.00 น.
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/wGD19yrywqJCKSDK6
คำแนะนำในการชมจากผู้จัดงาน : 20 นาที
เราเดินทางมาถึงสถานที่สุดท้ายของการทัวร์ครั้งนี้คือวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ซึ่งมีผลงานเพียงชิ้นเดียว The Engineer ผลงานจาก Cole Lu ศิลปินจากไต้หวัน
ผลงานไม้แกะสลักกับประตู และกำแพงเบื้องหลังที่ออกแบบให้เป็นภาพลวงตาให้เหมือนเป็นห้อง หากเรามองจากด้านหน้า (แต่ความจริงไม่มีผนังด้านข้างแต่อย่างใด) คือผลงานที่ซ่อนเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ศาสนา ความเชื่อ และตำนานเอาไว้ ผ่านลวดลายของไม้แกะสลัก เชื้อเชิญให้ผู้เข้าชมหาความหมายด้วยตัวเอง
การแกะสลักนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพวาดผนังถ้ำจากยุคโบราณ ผสมผสานกับงานแกะสลักสไตล์กรีก ทำให้ผลงานชิ้นนี้ถือว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมมากมาย
คำแนะนำจาก ONCE
หากอยากจะชมผลงานนี้แบบเก็บทุกเม็ด ทุกงานแกะสลักอย่างครบถ้วน การใช้เวลา 20 นาทีตามคำแนะนำจากผู้จัดงานถือว่าเข้าใจได้ แต่สำหรับใครที่ไม่ได้อยากยืนจ้องทุกรายละเอียด ใช้เวลา 10 นาทีก็ถือว่าเพียงพอ เพราะหลายคนที่เดินทางมาชมผลงานชิ้นนี้ก็ใช้เวลาประมาณนั้น
Bangkok Art Biennale 2024 (บางกอก อาร์ต เบียนนาเล 2024) จัดแสดงจนถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2025
Website : https://www.bkkartbiennale.com/
Facebook: BkkArtBiennale
Instagram: bkkartbiennale