Goodsouls Kitchen เป็นร้านอาหารวีแกนที่มีจุดกำเนิดในจังหวัดเชียงใหม่ ทุกเมนูทำมาจากพืช (Plant-Based Food) ปราศจากเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แต่หน้าตาและรสชาตินั้นแทบจะแยกไม่ออกเลยว่าทำมาจากพืชล้วนๆ จนชาววีแกนทั่วประเทศต่างโหวตให้เป็นร้านอาหารจากพืชยอดเยี่ยมอันดับหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ประจำปี 2020 ซึ่งเป็นรางวัล Plant-Based Food Awards ที่จัดโดย Root the Future องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่สนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน และรณรงค์ให้คนหันมากินอาหารจากพืช

ในวันที่วีแกนเชียงใหม่ยังไม่บูม

Goodsouls Kitchen เป็นร้านที่แตกตัวออกมาจาก Reform Kafe ห้องอาหารมังสวิรัติของโรงแรม Green Tiger Vegetarian House ซึ่งเดิมทีเป็นห้องอาหารที่เสิร์ฟเฉพาะมื้อเช้าสำหรับแขกที่เข้าพักในโรงแรม ในระยะแรกลูกค้าเกือบทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติ ภายหลังอาหารมังสวิรัติเริ่มเป็นที่รู้จัก และมีลูกค้า walk in เข้ามามากขึ้น เนื่องจากอาหารมังสวิรัติในจังหวัดเชียงใหม่เมื่อ 7 ปีก่อนหายาก และมีเพียงไม่กี่แห่ง

Reform Kafe เริ่มเปิดสำรับมื้อกลางวันและมื้อเย็น จนพื้นที่ของห้องอาหาร เริ่มรองรับไม่ไหวเมื่อคนหันมากินมังสวิรัติมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดแล้ว Goodsouls Kitchen จึงเกิดขึ้นเพื่อเป็นร้านอาหารวีแกนโดยเฉพาะ ทุกเมนูเป็นสูตรของคุณซิน-วารี กนกคุณ ภรรยาชาวไทยผู้เป็นเจ้าของร้าน และมีประสบการณ์ในการทำอาหารมังสวิรัติให้กับสามีหรือคุณแดเนียล รับประทาน ซึ่งเดิมทีเป็นมังสวิรัติ แต่ปัจจุบันคุณแดเนียลหันมาทานวีแกนตลอดชีวิต ส่วนคุณซินเองหันมาทานวีแกนเป็นส่วนใหญ่ เมื่อไม่กี่ปีมานี้

“Goodsouls Kitchen หมายถึงจิตวิญญาณดีๆ ของผู้ที่มารับประทาน และคนที่ตั้งใจจะรับประทานวีแกน เราไม่ได้เน้นเครื่องหอม ไม่อิงศาสนาหรือความเชื่อใดๆ อิงกับความรู้สึกว่ามันดีกับโลกใบนี้ และไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์เท่านั้น เป็นอาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ หรือกิจกรรมใดๆ ที่เกี่ยวกับการทรมานสัตว์”

คุณซินเกริ่นนำ วันนี้เรามีนัดกับเธอที่ Goodsouls Kitchen สาขาถนนช้างม่อย ซึ่งเป็นสาขาสองและขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในบรรดาสาขาอื่นๆ โดยเปิดให้บริการเมื่อต้นปี 2563 สำหรับสาขาแรกอยู่บนถนนสิงหราช บริเวณคูเมืองเก่า และสาขาที่สามเปิดให้บริการเมื่อกลางปี 2563 บนถนนสุขุมวิท 26 กรุงเทพมหานคร

พืชคือทางรอดของมนุษยชาติ

ว่ากันว่า พืชผักคือทางรอดของมนุษยชาติ ต่างจากการกินเนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์อย่างนมวัว ที่ทำให้โลกร้อนขึ้นทุกวัน เพราะฟาร์มปศุสัตว์ทำให้พื้นที่ป่าถูกทำลายเพื่อใช้เลี้ยงสัตว์ และใช้ปลูกพืชสำหรับเป็นอาหารสัตว์ ทรัพยากรบนโลกนับวันจะยิ่งหมดไป เมื่อคนกินเนื้อสัตว์กันมากขึ้น ไม่เฉพาะป่าไม้ แต่ยังรวมถึงแหล่งน้ำอีกด้วย เชื่อไหมว่าเนื้อ 1 กิโลกรัมต้องใช้ปริมาณน้ำมากถึง 15,000 ลิตร ที่เลวร้ายกว่านั้น ปัจจุบัน พื้นที่ทางการเกษตรมากกว่า 80% ถูกอุทิศให้กับระบบการผลิตเนื้อสัตว์เพื่อเป็นอาหารของประชากรทั้งโลก

ที่ฟังแล้วตลกแต่กลับขำไม่ออกคือ วัวพันธุ์นม จะปล่อยก๊าซมีเทนขึ้นสู่สภาพอากาศหลายพันล้านกิโลจากการผายลมและการเรอ ซึ่งก๊าซมีเทนเหล่านี้ ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนมากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หลายเท่าตัว ทว่า การกินพืชกลับเป็นการได้ช่วยโลกโดยตรง ยิ่งกินพืช ยิ่งลดโลกร้อน ยิ่งปลูกผักมาก ก็ยิ่งช่วยให้โลกผลิตอ็อกซิเจนบริสุทธิ์ให้เราได้หายใจ และที่สำคัญ พืชคือทรัพยากรที่ไม่มีวันหมดสิ้นไปจากโลก

วิถีวีแกนคือความนอบน้อมและอ่อนโยน

จุดเริ่มต้นเล็กๆ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่เสมอ การกินก็เช่นกัน เพียงแค่คิดเปลี่ยนไปกินพืชผัก ก็เท่ากับเปลี่ยนชีวิตโดยองค์รวม เพราะมันคือการเปลี่ยนความคิดที่จะเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น เรียกได้ว่าเป็นความสมถะ อ่อนน้อมถ่อมตน เคารพ ปรารถนาดีต่อสิ่งมีชีวิตและโลกใบนี้

“การกินตัวเดียวทำให้เปลี่ยนแปลงหลายอย่างในชีวิต คนที่เลือกกินสิ่งที่เป็นมิตรต่อโลก จะทำให้ชีวิตส่วนอื่นๆ ของเขาเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไปด้วย เพราะความคิดเขาเปลี่ยน ผลพลอยได้คือการเป็นคนที่ดีขึ้นด้วยซ้ำ (หัวเราะ) ซึ่งวิถีของวีแกนน่าสนใจตรงที่ เขาหยุดการทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ได้หยุดแค่ทำลายสัตว์ แต่หยุดทำลายโลกด้วย เช่น วีแกนเน้นเรื่องออร์แกนิก การปลูกพืชโดยไม่ใช้สารเคมี เพราะสารเคมีคือการทำลายดินและจุลินทรีย์ในดิน มันคือการฆ่าตัวตายแบบผ่อนส่ง และในที่สุดจะทำให้คนไม่มีที่ทำมาหากินไปโดยปริยาย”

อ่านจบมาถึงบรรทัดนี้ อาจมีบางคนอยากบอกลาเนื้อสัตว์ แล้วหันไปเป็นสมาชิกวีแกนเพิ่มอีกหนึ่งก็เป็นได้