Le Menara Khao Lak
Le Menara Khao Lak รีสอร์ตพักสบายชายทะเลเขาหลักที่ได้แรงบันดาลใจจากหมู่บ้านมอร์แกน
- Le Menara Khao Lak Luxury Beachfront Villa&Resort เป็นรีสอร์ตระดับ 5 ดาว ริมทะเลหาดบางหลุด หนึ่งในหาดสวยและยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่มากของ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา
- การออกแบบมีแนวคิดในการส่งต่อเรื่องราวความสวยงามของวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมเมืองตะกั่วป่า ผสมผสานกับวิถีชุมชนบ้านมอร์แกนที่หมู่เกาะสุรินทร์ในแบบเรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
- ในช่วงไฮซีซั่นจะมีเชฟส่งตรงจากอิตาลีมาเสิร์ฟความอร่อย ณ ห้องอาหาร L’AMORE RESTAURANT โดยเฉพาะ ก่อนจะแตะมือกับเชฟจากฝรั่งเศสในช่วงกรีนซีซั่น
กว่า 30 ปีแล้ว นับตั้งแต่คุณเกอร์ดและคุณแดง สามีชาวเยอรมันและภรรยาชาวไทยได้บุกเบิกบังกะโลแห่งแรกของเขาหลัก และถูกกล่าวถึงใน The Traveller’s Guide ของเมืองเบียร์ จนเปลี่ยนเมืองทางผ่านเล็กๆ เป็นเดสทิเนชันใหม่ที่ได้รับความสนใจจากนักเดินทาง โดยมีเสน่ห์คือความสวยงามและสมบูรณ์ของธรรมชาติในบรรยากาศเงียบสงบ
วันนี้เขาหลักเติบโตขึ้นเยอะ ต้อนรับนักท่องเที่ยวมากมายจากทั่วโลก เช่นเดียวกับกิจกรรม โรงแรมและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ผุดขึ้นตามมา แต่ก็ยังมองหาเสน่ห์แบบเดิมๆ ได้ที่ Le Menara Khao Lak Luxury Beachfront Villa&Resort
แรงบันดาลใจจากหมู่บ้านมอร์แกน
ห่างจากย่านเขาหลักเซ็นเตอร์ประมาณ 24 ก.ม. หาดบางหลุด คือหนึ่งในหาดสวยและยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่มากของ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในกลุ่มนักท่องเที่ยว มีโรงแรมไม่กี่แห่งอยู่ในพื้นที่ หนึ่งในนั้นคือ เลอ เมอนารา เขาหลัก ถือเป็นทำเลที่เงียบสงบ และเป็นส่วนตัวมาก
Le Menara Khao Lak Luxury Beachfront Villa&Resort เป็นรีสอร์ตระดับ 5 ดาว เปิดบริการเมื่อปี 2017 มีแนวคิดในการส่งต่อเรื่องราวความสวยงามของวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมเมืองตะกั่วป่า ผสมผสานกับวิถีชุมชนบ้านมอร์แกนที่หมู่เกาะสุรินทร์ในแบบเรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ในส่วนของตัวอาคารมีกลิ่นอายสถาปัตยกรรมชิโน-ยูโรเปียนจากย่านเมืองเก่าตะกั่วป่า เช่น ทางเดินใต้อาคารที่เลียนแบบมาจาก ‘หงอคาขี่’ แต่อาจไม่เน้นรูปแบบการตกแต่งอันประณีตเหมือนดั้งเดิม ขณะที่โซนวิลลาได้แรงบันดาลใจมาจากลักษณะบ้านของชาวมอร์แกน อาคารพื้นที่ส่วนกลางเน้นเปิดโล่ง ให้ความรู้สึกโปร่ง สบาย อยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน แต่ที่น่าประทับใจคือการออกแบบอาคารให้สามารถมองทะลุจากล็อบบี้ไปยังทะเลได้เลย
“ที่นี่จะเน้นความเรียบง่าย ไม่ตกแต่งอะไรมากนัก เพื่อให้ความรู้สึกสบาย และต้องการให้ได้สัมผัสกับธรรมชาติจริงๆ” คอนเซปต์ของโรงแรมที่อนุชา สุนทรภัค ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บอกถึงเบื้องหลังความโล่งดูสะอาดตาในการตกแต่ง
สเปซที่พักสบาย
‘The happiness holiday in true nature’ คือสโลแกนหลักของโรงแรมแห่งนี้
แทบทุกพื้นที่จึงถูกออกแบบมาให้ความรู้สึกโล่ง โปร่ง สบาย รวมถึงห้องพักเพียง 108 ห้อง จึงมีขนาดห้องค่อนข้างใหญ่ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ Grand Deluxe ขนาด 73 ตร.ม. ทั้งหมด 64 ห้อง Villa กว้างถึง 118 ตร.ม. 36 ห้อง และขนาดใหญ่สุดคือ 2 Bedroom Pool Villa กว้างถึง 247 ตร.ม. แถมเตียงคู่ที่นี่ยังใหญ่พิเศษสามารถนอน 2 คนได้แบบไม่อึดอัด ส่วนตู้เสื้อผ้าใหญ่ขนาดที่ขนเสื้อผ้ามาอยู่เป็นเดือนได้สบาย ห้องทั้งหมดถูกจัดอยู่สองฝั่งซ้าย-ขวา ปล่อยสเปซตรงกลางเป็นพื้นที่สวนและอาคารส่วนกลางเปิดโล่ง
นอกจากนี้ ยังมีห้องพัก Honneymoon Villa สำหรับคู่รักที่ต้องการความโรแมนติกกับวิวติดทะเล นั่งชมพระอาทิตย์ตกจากระเบียงแบบฟินๆ และพิเศษด้วยเตียงซูเปอร์คิงไซซ์ (200×200 ซ.ม.)
อีกหนึ่งไฮไลต์ของที่นี่คือสระว่ายน้ำริมชายหาดขนาด 25×125 ม. ใหญ่อลังการ แช่น้ำชมวิวพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าสุดชิลล์ แถมตอนกลางคืนยังเพิ่มความโรแมนติกด้วยเงาสะท้อนของแสงจันทร์ เหมือนกับวิถีชีวิตของชาวมอร์แกนที่มองเห็นแสงจันทร์สะท้อนผ่านน้ำทะเล
ส่วนใครที่ชอบการนวด แนะนำสปานวดน้ำมันมะพร้าวร้อน โปรแกรมยอดนิยมของที่นี่เลย นอกจากจะช่วยผ่อนคลายแล้วยังช่วยคลายเส้น แก้อาการบาดเจ็บได้อีกด้วย แถมน้ำมันมะพร้าวก็เป็นวัตถุดิบจากชุมชนด้วย
“การใช้ความร้อนนวดจะช่วยให้เส้นกระชับดีขึ้น ละลายไขมันได้ด้วย ดีต่อสุขภาพ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและโล่งสบาย” พี่ริสต้า-อาริสต้า หมาดสตูล ที่ห้องสปา บอกถึงข้อดีของการนวดน้ำมันมะพร้าวร้อน โดยก่อนนวดจะสตาร์ตด้วยการวอร์มไทย หรือการนวดแผนไทยเล็กๆ น้อยๆ พร้อมแนะน้ำมันที่เหมาะสมกับสภาพผิวของลูกค้า เช่น ถ้า sunburn มาไม่แนะนำให้ลงน้ำมันมะพร้าวร้อน เพราะจะยิ่งทำให้ร้อนมากขึ้นไปอีก
อิ่มอร่อยแบบต้นตำรับ
เนื่องด้วยโรงแรม Le Menara Khao Lak เป็นคลับของอิตาลีและฝรั่งเศส นอกจากจะมีทีมงานคอยดูแลลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ ด้วยกิจกรรมมากมายตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมบันเทิง สันทนาการ วอลเลย์บอล Sup หรือโยคะแล้ว ยังมีการอิมพอร์ตเชฟจากอิตาลีและฝรั่งเศสมาเสิร์ฟความอร่อยตามแบบต้นฉบับ ณ ห้องอาหาร L’AMORE RESTAURANT อีกด้วย
เพราะฉะนั้น เมนูพาสตา ที่ได้ชื่อว่าเป็นอาหารประจำชาติของอิตาลีของที่นี่ จึงเป็นการทำเส้นสดจากเชฟต้นตำรับมาทำเอง ซึ่งในช่วงที่เราเข้าพักเป็นคิวของ Gavino ที่มาจากเมืองโตริโน หนึ่งในเมืองที่ได้ชื่อว่ามีการผลิตเส้นพาสตาหลากหลายชนิดมากที่สุดแห่งหนึ่ง เราได้ลองทั้งสปาเกตตี และ ฟาร์ฟาลเล (Farfelle) กับซอสโบโลเนส (Bolognese) ที่ทำกันจานต่อจาน บอกเลยว่าไม่ผิดหวัง แถมได้อิ่มอร่อยแบบไม่อั้นในมื้อเย็นกับบุฟเฟ่ต์ นานาชาติในราคาเพียง 450 บาทต่อคนเท่านั้น!
ต้องบอกก่อนว่า ราคานี้ไม่ได้มีทุกวัน แต่โชคดีที่เราไปตรงกับช่วงแคมเปญโปรโมชั่นของโรงแรมพอดี ซึ่งเปิดให้คนทั่วไปก็สามารถเข้าไปกินได้ด้วยและต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าคุ้มมาก เพราะมีทั้งอาหารไทย ฝรั่ง อิตาเลียน อาหารทะเล เนื้อย่างชั้นดี รวมไปถึงผลไม้ ของหวาน เบเกอรีแบบเติมตลอด ไม่มีหมด ใครเป็นสาวกอาหารอิตาเลียนแนะนำให้แวะไปช่วงไฮซีซั่น (ต.ค.-พ.ค.) ส่วนกรีนซีซั่นจะเป็นเชฟฝรั่งเศส
อีกห้องอาหารคือ LE SEA RESTAURANT AND BAR ตั้งอยู่ริมหาดติดกับพื้นที่กิจกรรมเพื่อความบันเทิงของ Bravo Club อาทิ เต้นรำ จัดการแสดงต่างๆ เน้นอาหาร A la carte และบาร์บีคิว ด้วยวัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างดี
สุขร่วมกับธรรมชาติ
นอกจากความเรียบง่ายแต่มีความสะดวกสบายตามมาตรฐานโรงแรมหรูแล้ว ที่นี่ยังให้ความสำคัญกับการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บนพื้นที่ 48,000 ตร.ม. จัดสรรเป็นพื้นที่สวนเกือบ 60 เปอร์เซนต์ แม้จะเป็นสวนที่ไม่ได้ร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย แต่ก็เน้นรักษาระบบนิเวศเดิมของพื้นที่เอาไว้ ด้วยการปลูกต้นชมพู่ ต้นพิลังกาสา ซึ่งเป็นอาหารของนกที่อยู่ในพื้นที่ด้วย
มากกว่านั้นคือการออกแบบตกแต่งด้วยวัสดุธรรมชาติให้ความกลมกลืนกับธรรมชาติ อย่างเช่นการออกแบบวิลลา ไม่เพียงแค่ถ่ายทอดวัฒนธรรมจากมอร์แกน แต่ลักษณะโครงสร้างก็เหมาะสมกับพื้นที่ ทั้งหลังคาที่มีความลาดชัน กันแดดกันฝนได้ดีในสภาพอากาศริมทะเลภาคใต้ เรือนยกพื้นสูง ให้ทั้งความรู้สึกโปร่งโล่งสบาย และยังสามารถป้องกันภัยทางทะเลได้ด้วย
“ช่วงอากาศดีๆ แขกแทบไม่ต้องเปิดแอร์เลย เพราะอากาศถ่ายเทสะดวก เปิดรับลมสบาย ไม่ร้อน ได้สัมผัสธรรมชาติจริงๆ”
ระหว่างคุยกับอนุชา เรายังสังเกตเห็นว่า ที่นี่มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์หลายจุดเพื่อใช้สำหรับไฟส่องสว่างในช่วงกลางคืน ช่วยประหยัดพลังงานอีกทางหนึ่ง เช่นเดียวกับการบริการที่คำนึงการใช้วัสดุที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้ ลดการใช้วัสดุพลาสติกให้มากที่สุด เช่น ข้าวของเครื่องใช้ในห้องน้ำจะเป็นแบบเติมทั้งหมด
หลังต้องปิดไปนานเกือบ 3 ปีเพราะวิกฤตโควิด-19 โรงแรมแห่งนี้เพิ่งกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในปีนี้ โดยมีแผนเตรียมเปิด Le Bar บาร์กลางคืนของโรงแรมเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้ พร้อมเป้าหมายอยากปักหมุดให้หาดบางหลุดเป็นที่รู้จักในกลุ่มนักท่องเที่ยวมากขึ้น เพื่อกระจายรายได้และแหล่งท่องเที่ยวของท้องถิ่น ซึ่งตอนนี้เริ่มมีโรงแรมหรูเข้ามาเปิดให้บริการในพื้นที่ 4-5 โรงแรมแล้ว
สิ่งที่จะได้รับจาก Le Menara Khao Lak อาจไม่ใช่ความหรูหราอลังการ แต่จะได้บรรยากาศความเป็นส่วนตัว พักกายพักใจไปกับธรรมชาติที่สวยงาม สะอาดตา หลีกหนีจากความวุ่นวายหันมาใช้เวลากับตัวเองและคนใกล้ตัวอย่างแท้จริง