MAMIO
มะเหมี่ยว- สุทธิภัทร สุทธิวาณิช ศิลปินผู้มีชีวิตอยู่เพื่อความรักกับการค้นพบตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด ‘MAMIO’
- ‘มะเหมี่ยว- สุทธิภัทร สุทธิวาณิช’ ศิลปินเสียงทุ้ม กังวาน มีเสน่ห์ จากวง Zweed n’ Roll กลับมาอีกครั้งในฐานะศิลปินเดี่ยว ‘MAMIO (มามิโอะ)’ โปรเจกต์สะท้อนตัวตนที่แท้จริง แนวเพลงที่ฉีกไปจากเดิม และความเป็นนักรักที่ไม่ได้แค่รักคนอื่น แต่ต้องรักตัวเองด้วย
“ตัวตนที่แท้จริง” คือคำตอบที่ได้จากพัดเมื่อถามว่า ‘MAMIO’ คือใคร
ส่วน “ลมที่พัดไปพัดมาตามคำพูดคนอื่น ความ insecure ความที่ไม่ได้รักตัวเองมากพอ” คือที่มาของ ‘พัด’
เราคือแฟนเพลงคนหนึ่งที่เกาะขอบจอทีวีดู ‘พัด- สุทธิภัทร’ หรือที่เราจะเรียกกันนับจากนี้ว่า ‘มะเหมี่ยว’ ร้องเพลง ‘Creep’ ของ Radiohead ในรายการ The Voice Thailand มาตั้งแต่ปี 2014 เห็นเส้นทางการเติบโตของเธอมาเรื่อยๆ ในฐานะนักร้องนำวง Zweed n’ Roll และมีเสียงทุ้มกังวานชวนลอยละล่องนี้อยู่ในหลายๆ ช่วงชีวิต โดยเฉพาะเวลาเหงา เศร้า หรืออกหัก ที่ทำเอาซึมเป็นพิเศษ
แม้ตอนนี้จะผ่านมากว่า 10 ปีแล้วที่เราได้เห็นหน้าค่าตาของมะเหมี่ยวในวงการ ก็ยังไม่มีใครมาฉุดรั้งความสามารถของเธอได้ ที่พีคที่สุดก็คงจะเป็นเมื่อต้นปีที่ผ่านมาที่เธอและวงได้รับเชิญให้ขึ้นไปแสดงดนตรีร่วมกับ Chris Martin ในคอนเสิร์ตใหญ่ของ Coldplay ที่มีคนดูนับ 6 หมื่นคน!
ตามมาด้วยโปรเจกต์เดี่ยวที่เพิ่งออกมาสดๆ ร้อนๆ อย่าง ‘MAMIO’ ที่มะเหมี่ยวกลับมาในลุคและแนวเพลงที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแต่ก็ “เป็นตัวเองแบบ 100%” เป็นวาระที่ดีที่เราได้มาพูดคุยกับเธอ เพราะใครจะรู้ ว่าเบื้องหลังการสวมใส่เดรสสีแดงฉูดฉาดที่ให้กลิ่นอาย avant-garde นี้ คือการบ่มเพาะความรักตัวเองมาเป็นระยะเวลานาน ที่ออกดอกผลิบานได้ในที่สุด โดยมี “การรักตัวเอง” เป็นกุญแจสำคัญ
มะเหมี่ยวจะมาเล่าให้เราฟังถึงการทำงานภายในเหล่านั้น มุมมองของการเป็น “นักรัก” ที่เปลี่ยนไปในวัย 31 ปี และเส้นทางสู่การเป็นศิลปินเบอร์ต้นของไทย
พัด-มะเหมี่ยว-มามิโอะ
คำว่า MAMIO ดูมีความญี่ปุ่นหน่อยๆ ทำไมถึงเลือกใช้ชื่อนี้
เราเริ่มใช้ชื่อ ‘พัด’ ตั้งแต่อายุ 13 แต่ตั้งแต่เกิดมันคือ ‘มะเหมี่ยว’ มันเริ่มมาจากตอนเด็กๆ เราเข้าโรงเรียนแล้วก็มีครูสอนภาษาอังกฤษสะกดมาให้ว่าเราต้องเขียนแบบนี้นะ “M-A-M-I-O” พอเอากลับมาให้ที่บ้านดู พ่อก็อ่านว่า มามิโอะๆ (ยิ้ม) แล้วเขาก็เรียกเราแบบนี้มาตั้งแต่ตอนนั้น
แล้วทำไมโซโลโปรเจกต์นี้ถึงต้องเป็น MAMIO
MAMIO เป็น…ขอเรียกมันว่า “ตัวตนที่แท้จริง” แล้วกัน เพราะพัดเป็นคนที่ค่อนข้างโลว์โปรไฟล์ ไม่ชอบสังคม ไม่อยากโดดเด่น แต่มะเหมี่ยวจะเป็นเด็กที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา รู้ความต้องการของตัวเองว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร
ถามได้ไหม อะไรทำให้เกิดจุดเปลี่ยนตรงนั้น จาก ‘มะเหมี่ยว’ มาเป็น ‘พัด’
อย่างที่บอก มะเหมี่ยวเป็นคนที่รู้ความต้องการของตัวเอง แต่ว่าเขาก็เป็นคนที่เซนซิทีฟมากๆ เหมือนกัน จุดเปลี่ยนน่าจะเป็นคำว่า “ไม่ได้รักตัวเองมากพอ” มันเกิดขึ้นจากความ insecure เหมือนลมที่พัดตามคนอื่นไปเรื่อยๆ
ตื่นเต้นไหม ที่คนจะได้เห็นเราในมุมนี้
ตื่นเต้น มันเป็นครั้งแรกเลยนะ ที่แบบ…รู้สึกจริง รู้สึก proud to present ในความเป็นตัวเองขนาดนี้
ลุคเราวันนี้ก็จัดเต็มมาก เปลี่ยนไปจากเดิมเลย รู้สึกยังไง
สวย (หัวเราะ) เราว่าเราชอบลองอะไรหลายๆ แบบ อย่างพวกแฟชั่นอะไรแบบนี้ก็ชอบลองอยู่แล้ว อยากรู้ว่าลิมิตของเราไปได้แค่ไหน ไม่ค่อยชอบตีกรอบให้ตัวเองเท่าไหร่ จากที่เคยอยู่ในวง 5 คนที่มีแต่ผู้ชาย มันทำอะไรไม่ได้เยอะ แต่อันนี้มัน free ดี จะทำอะไรก็ได้ให้มันสื่อสารเพลง
อย่างสีเล็บที่เลือกมาก็เป็นสีชมพู่มะเหมี่ยว ออกแดงๆ เข้ากับชื่อของเรา สีนี้ใน Pantone เรียกสี ‘Love Potion’ ชื่อมันก็น่าสนใจ เกี่ยวกับความรักด้วยแล้วก็ดูมีมนตร์ๆ บางอย่าง
เหมือนจะให้ฟีล avant-garde ด้วยนะ
ใช่ๆ จริงๆ ชอบแบบพวก David Bowie รู้สึกว่าแอดติจูดเขามันเท่
แนวเพลงจะเปลี่ยนด้วยไหม
ความย้วย ความเคลิ้ม มันก็ยังเป็นเราอยู่ แต่สิ่งที่เปลี่ยนน่าจะเป็นวิธีการเสนอให้มันดูมี มูฟเมนต์มากขึ้นแหละ แล้วก็เล่าเรื่องที่มันไม่หดหู่จนเกินไป
คือเราใช้คอนเซปต์ว่า ‘Mesmerizing Voice’ คิดแค่ว่าให้มันเป็นเสียงที่สะกดคน ไม่ว่ามันจะไปอยู่ในฟอร์มไหน หรือ genre ไหนมันก็จะสะกดคนฟังได้อยู่ดี แต่ถ้าพูดถึงความแตกต่างทางดนตรีคิดว่าน่าจะผสมดนตรีอิเล็กทรอนิกส์เข้ามา แล้วก็มีความฮิปฮอป โซล มากขึ้น เราไม่ค่อยอยากจำกัดแนวเพลงเท่าไหร่ เพราะว่าเราชอบหลากหลายมาก
วิถีรัก
พูดถึงซิงเกิลใหม่ ‘วิถีรัก’ หน่อย
เป็นเพลงที่บ่งบอกความเป็นเราในตอนนี้ได้ดีที่สุด คือเพลงที่ผ่านมา เกิดจากการเอาสิ่งที่คนอื่นทำให้เรารู้สึกไปเขียนเพลง แต่ MAMIO มันเกิดจากเรา เพลงเพลงนี้เกิดจากเรา เลยรู้สึกเหมือนเราเป็นเจ้าของสิ่งสิ่งนี้ ความรู้สึกนี้
ถ้าพูดถึงโปรเซสจริงๆ มันก็เหมือนเพลงผีบอกนิดนึง (หัวเราะ) เวลานอนไม่หลับเราจะชอบจินตนาการว่าตัวเองค่อยๆ ตัวเล็กลง นึกออกไหม? เหมือนมองตัวเองจากข้างบน แล้วก็จะค่อยๆ วืดหลับไป ก่อนที่เราจะหลับ จะมีห้วงกึ่งหลับกึ่งตื่นที่จะมีนู่นนี่ผุดขึ้นมา วันนั้นก็คือคำว่า “วิถีรัก” นี่แหละ เราว่าถ้าเป็นชื่อคนน่าจะเท่ดี แบบว่าคนที่เกิดมามีชีวิตเพื่อความรักไรงี้ ก็เลยลองแต่งเป็นเพลงเลย ก็นั่งเขียนคืนนั้นแหละ ไม่ได้นอน
แล้วเรามองว่าตัวเองมีชีวิตอยู่เพื่อความรักไหม
อืม…ใช่ เป็นเลิฟเวอร์คนนึง (ยิ้ม) เราว่าถ้าไม่มีความรัก มันน่าจะน่าเบื่อเหมือนกันนะ ต่อให้ทุกข์ ก็ดีกว่าไม่รู้สึกอะไรเลย
ถ้าอย่างนั้นมุมมองความรักในวัย 31 ปีของมะเหมี่ยวเป็นยังไง
ถ้าชัดๆ เลยปีนี้ คือการรักตัวเอง ที่รู้สึกว่า “อ๋อ มันเป็นอย่างนี้เองหรอ” เราว่ารักที่ดี จะทำให้เราได้เรียนรู้ว่า เราต้องการอะไรหรือไม่ต้องการอะไร แล้วก็ไม่เอาสิ่งที่เราไม่ชอบมาอยู่ในชีวิต ไม่ฝืน
มันทำให้เราเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ขึ้น
ใช่ๆ แล้วก็รักคนอื่นได้มากขึ้นด้วยนะ แบบเข้าใจคนอื่นๆ ได้มากขึ้น
เห็นโคฟเวอร์เพลงกับแฟนอยู่บ่อยๆ ความรักครั้งนี้ดูทำให้เรามีความสุขนะ
โห ดีมากเลย มันทำให้เรารักตัวเอง ทำให้เราสบายใจ ไม่ต้องมานั่งเครียดว่าจะมีปัญหาอะไรกัน เราว่าด้วยการทำงานที่ใช้ความรู้สึกเยอะ ไม่ควรจะมีอะไรที่มารบกวนใจเราอะ สมมุติเราอกหักงี้ อาจจะทำให้เราไม่มีสมาธิในการร้องเพลงได้ พอเป็นแบบนี้เราก็มีเวลาไปโฟกัสเรื่องอื่นในชีวิต ไม่ต้องคอยพะวง มีความสุข
ถ้าต้องแนะนำเพลงรักที่ชอบที่สุดล่ะ
มันมีหลายแบบ ถ้าฟีลกู๊ดเราชอบ ‘A Kind of Eden’ ของ The Orchids เราว่ามันโรแมนติกดี เป็นฟีลปั๊ปปี้เลิฟ อารมณ์แบบเจอใครสักคนแล้วรู้สึกเกิดเเรงสั่นสะเทือน
(แล้วถ้าเป็นเศร้าๆ แบบอกหักล่ะ) โห ตอนนี้นึกไม่ออกเลย ไม่ได้อกหักนานละ (หัวเราะ) อะไรดีอะ… เอา ‘ช่วงเวลา’ ของ Zweed n’ Roll ละกัน ถ้าอกหักน่าจะเศร้าอยู่นะเพลงนี้
เวอร์ชั่นที่ดีที่สุด
เคยคิดไหมว่าวันนึงเราจะได้ไปเล่นเวทีใหญ่กับ Coldplay
เราเคยคิดว่าอยากให้วงไปเล่น Glastonbury เวทีเดียวกับพวกไอดอล Brit Pop ทั้งหลายที่เราชอบ แต่ว่าวันนี้เราไม่ต้องไปที่นั่นแล้ว เพราะเขามาที่นี่ แล้วเราก็ได้เล่นกับเขาบนเวทีที่บ้านเรา เป็นเวทีที่ใหญ่มากด้วย คนดู 6 หมื่นคน! รู้สึกเหมือนได้ปลดล็อกความฝันนึงเลย เป็นวันที่ผีเสื้อบินอยู่ในท้องเยอะมาก
ที่ Chris Martin เลือกเราไปเล่น เขาได้บอกไหมว่าเพราะอะไร
เขาแค่บอกว่า “เจอกันวันอาทิตย์บนเวที” ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ตอนที่มันเกิดขึ้น ร่างกายก็ยังไม่รับเท่าไหร่ เพราะว่าเหมือนมันยังต้องทำงานให้จบก่อน แต่พอตื่นขึ้นมาอีกวันนึงแบบ…ร้องไห้เลย
พอไปถึงจุดนั้นแล้ว เรามองอนาคตของเราไว้ว่ายังไงต่อ
เรื่องที่ได้ไปขึ้นเล่นกับ Coldplay มันก็ดวงด้วยนะส่วนหนึ่ง ดวงกับจังหวะและเวลา เพราะว่าเขาเป็นคนเลือกเรา แต่ว่าทั้งหมดนั้นมันไม่ได้เป็นเรา เราไม่ได้เป็นเจ้าของงาน ก็เลยยังไม่ได้คิดอะไรที่มากมาย มี MAMIO นี่แหละที่อยากจะตั้งใจทำในปีนี้
ส่วนถ้าเป็นอนาคตไกลๆ เราแค่อยากทำงานเเล้วมีความสุข อยากให้ไอความรู้สึกนี้มันอยู่กับเราไปจนแก่ ถ้าให้พูดถึงเรื่องที่จับต้องได้ เราว่า “เราอยากเป็นศิลปินเบอร์ต้นของไทย”
แสดงว่าเรายังอยากทำเพลงไปอีกนานเลย
ใช่ ยังไม่เคยคิดภาพตัวเองที่ทำอย่างอื่น ถ้าไม่ได้ร้องเพลงสักสองวันก็จะรู้สึกเบื่อละ ต้องหยิบกีตาร์มานั่งเล่น ร้องให้แม่ฟัง เราว่ามันคือความรัก ความรักทำให้เราอยู่กับมันได้นาน
เห็นว่าเพลงล่าสุดมีความสากลมาปนด้วย จะทำเพลงภาษาอังกฤษด้วยไหมรอบนี้
ใช่ เป็นครั้งแรกเลยนะที่ลองเขียนภาษาอังกฤษผสมภาษาไทย เพราะว่าเห็นวัยรุ่นเขาชอบทำกัน มันวัยรุ่นดี (หัวเราะ) แต่นอกจากนี้น่าจะเป็นเพลงภาษาไทย เรารู้สึกว่าเรายังอยากอยู่ในซีนของประเทศไทยมากกว่า การทำเพลงภาษาอังกฤษมันยังไม่อยู่ในหัวเราในตอนนี้
ชอบอะไรในซีนประเทศไทย
เราชอบประเทศไทย ชอบคนไทย ไม่ได้อยากไปอยู่ประเทศอื่น กับข้าวก็อร่อย เราว่าจริงๆ คนไทยครีเอทีฟมาก แล้วก็เท่าที่เคยไปเที่ยวยุโรปมารู้สึกว่าหลายๆ คนก็ดูจะนิสัยเหมือนคนไทยนะ แต่เเค่ประเทศเรามันปิดเฉยๆ ถ้าทำให้มันค่อยๆ เปิดกว้างมากขึ้น ก็ดูมีความเป็นไปได้นะ
มีอุปสรรคอะไรไหม ในการที่เป็นศิลปินที่ไทย
เอาจริงๆ เรายังไม่เจอ อาจจะโชคดีด้วยเนอะ น่าจะเป็นความไม่กล้า ความรอ ความกลัวอะไรบางอย่างของตัวเองมากกว่า
ถ้าเราย้อนกลับไปเจอตัวเองตอนที่เพิ่งเข้าวงการได้ จะบอกอะไร
อย่ากลัว อย่ารอใคร ทำเลย ทำได้!
เอาเป็นว่าตอนนี้ MAMIO อยู่ในจุดที่แฮปปี้นะ
ดีที่สุดที่เคยเป็นเลย แบบว่ารักตัวเองเวอร์ชั่นนี้มาก (ยิ้มกว้าง)
ติดตามผลงานของ MAMIO และฟังซิงเกิลใหม่ ‘วิถีรัก (Lover)’ ได้ที่
IG: m_a_m_i_o_
Youtube: MAMIO
Spotify: MAMIO