เล่าเรื่องเมืองปากน้ำ
จากเรือนจำสู่อุทยานการเรียนรู้คู่หอชมเมือง ไขความลับเมืองปากน้ำในมุมที่เรา(อาจ)ยังไม่เคยรู้
- อุทยานการเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการ แลนด์มาร์คใจกลางเมืองสมุทรปราการ เปิดให้เข้าชมนิทรรศการ “ร้อยเป็นเรื่องเมืองปากน้ำ” เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับความเป็นมาของเมืองในอดีต พร้อมจุดชมวิวเมืองสมุทรปราการแบบ 360⁰ มองเห็นลำน้ำเจ้าพระยาไปจนถึงทะเลปากอ่าวไทย ออกแบบตามหลัก Universal Design บนพื้นที่กว่า 13,584.70 ตารางเมตร แห่งเดียวในจังหวัดสมุทรปราการ
- นิทรรศการชุด ‘ร้อยเป็นเรื่องเมืองปากน้ำ’ เป็นเหมือนบันทึกประวัติศาสตร์เหตุการณ์สำคัญในไทยของเมืองหน้าด่านที่ขนานนามว่า ‘เมืองปากน้ำ’ บอกเล่าความเป็นมา ทั้งการเป็นเมืองอุตสาหกรรม และวิถีชุมชนทุกยุคทุกสมัย ให้เราได้เรียนรู้เรื่องราวตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
10 ปีแห่งการรอคอย จากเรือนจำสู่ปราการแห่งการเรียนรู้ วันนี้เรามาเยือน ‘หอชมเมืองสมุทรปราการ’ แลนด์มาร์คแห่งใหม่ใจกลางเมือง ที่จะบอกเล่าเรื่องราวของสมุทรปราการในทุกมิติตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผ่านนิทรรศการชุด ‘ร้อยเป็นเรื่องเมืองปากน้ำ’ ในรูปแบบ Interactive พร้อมๆ ไปกับชมวิวปากแม่น้ำเจ้าพระยากว้างสุดลูกหูลูกตาแบบพานอรามา โดยภายในนิทรรศการประกอบไปด้วย 6 โซนด้วยกัน ถ้าพร้อมแล้ว…ไปลุยกันเลย!
1.ปากน้ำเมื่อนานมา
เริ่มโซนแรกด้วยการออกเดินทางไปสัมผัสความรุ่งโรจน์ในอดีตของเมืองปราการ โดยการขึ้นเรือจำลอง Ship Time Machine Simulator เพื่อรับชมเรื่องราวความเป็นมาของเมืองหน้าด่านในแต่ละยุคสมัย “เรือนำเที่ยวกำลังจะออกแล้ว ระวังตกน้ำตกท่ากันด้วยนะจ้ะ” ประโยคทักทายนักท่องเที่ยวดังขึ้น ก่อนผู้บรรยายจะเริ่มให้ความรู้ว่า ปัจจุบันเมืองสมุทรปราการ หรือเมืองหน้าด่านปากแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นชื่อว่าเป็นหน้าด่านทางเศรษฐกิจที่สำคัญ มีทั้งแหล่งอุตสาหกรรมที่ครบครัน และเป็นเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ทั้งยังมีพื้นที่สีเขียวที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศมากมายจนได้ชื่อว่าเป็น ‘ปอดของกรุงเทพ’ อย่างที่เรารู้กัน
จากนั้นก็ฉายภาพเรือรบไทยกับฝรั่งเศส พาเราย้อนเวลากลับไปในเหตุการณ์ ร.ศ.112 เมื่อครั้งที่เรือรบฝรั่งเศสเข้ามารุกรานเราด้วยปัญหาความขัดแย้งเรื่องดินแดน เพื่อให้เห็นความสำคัญของป้อมพระจุลจอมเกล้าที่ทำหน้าที่เป็นปราการอย่างสุดกำลัง และจบด้วยการเทียบท่าให้ลูกเรืออย่างเราได้ลงไปสำรวจความรุ่งเรืองสมัยกรุงศรีอยุธยาในโซนต่อไป
แต่ก่อนจะเดินเข้าไปยังพื้นที่ด้านในของโซนถัดไปผู้บรรยายชวนเราสังเกตต้นไม้ชนิดหนึ่งหน้าปากทางเข้า พร้อมเฉลยให้รู้ว่านั่นคือ ‘ต้นโพทะเล’ ซึ่งสมัยก่อนจะนิยมปลูกไว้ที่บริเวณฐานรากของป้อมปราการต่างๆ เพื่อใช้ในการเสริมสร้างความเป็นสิริมงคล และเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดสมุทรปราการ อีกทั้งดอกโพทะเลยังใช้เป็นสัญลักษณ์ในการเรียกร้องเอกราชของประเทศศรีลังกา รวมไปถึงใช้แทนดอกป๊อปปี้ในเหตุการณ์รำลึกสงครามโลกครั้งที่ 1 อีกด้วย
2.เข้าท่า (เมือง) หน้าด่าน
ส่วนนิทรรศการในโซนนี้จำลองบรรยากาศบ้านเรือนเมือง ‘นิวอัมสเตอร์ดัม’ เมืองท่าการค้าสำคัญเมื่อครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา ให้เราได้สำรวจและซึมซับความรุ่งเรืองย่านคลังสินค้านิวอัมสเตอร์ดัมของชาวฮอลันดา เมืองๆ แรกที่ตั้งอยู่ ณ พื้นที่สมุทรปราการ
สงสัยละสิว่า ‘อัมสเตอร์ดัม’ อยู่เนเธอร์แลนด์ แล้วทำไมถึงมาตั้งอยู่สมุทรปราการได้ ?
มาเดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟัง เขาบอกว่าในช่วงพุทธศตวรรษที่ 22 เนเธอร์แลนด์ หรือที่ในอดีตเราเรียกว่าฮอลันดาเริ่มขยายอิทธิพลทางการค้าไปทั่วโลก ด้วยวิธีการก่อตั้งเมืองที่เป็นท่าเรือคลังสินค้าขึ้นในดินแดนต่าง ๆ และมักจะใช้ชื่อว่า ‘นิวอัมสเตอร์ดัม’ ซึ่งมีอยู่หลายแห่งทั่วโลกด้วยกัน
สำหรับเมืองนิวอัมสเตอร์ดัมที่ปากน้ำนั้น ถูกก่อตั้งขึ้นในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม บริเวณปากน้ำตรงปากคลองบางปลากด นั่นเพราะฮอลันดาได้รับความดีความชอบจากการช่วยปกป้องรักษาราชอาณาจักรในช่วงเวลานั้น จึงได้รับพระราชทานที่ดินให้จัดตั้งขึ้นเป็นสถานีการค้า จนทำให้ที่นี่กลายเป็นเมืองท่าการค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งในดินแดนตะวันออกของสมัยนั้นนั่นเอง
ความพิเศษคือ เรื่องราวและเหตุการณ์สำคัญที่เราได้เล่าไป จะบรรยายผ่านเทคนิคการจัดแสดง Light &Sound MechanicDiorama และ Projection Mapping กว่า 7 เมตร เรียกได้ว่ายาวที่สุดในประเทศไทยเลยแหละ
3.ปรากฏเป็นปราการ
นิทรรศการในโซนที่ 3 จะเป็นเรื่องราวการสร้างบ้านแปงเมือง สร้างเมืองนครเขื่อนขันธ์ และเมืองสมุทรปราการ เล่าผ่านเทคนิค Invisible Fortress สุดตระการตา เหมือนกับได้ดูภาพยนตร์ผ่านสายน้ำ ส่วนบรรยากาศภายในห้องนิทรรศการให้ความรู้สึกเหมือนว่าได้ย้อนไปสัมผัสกับวิถีชีวิตของผู้คนที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานจนเกิดเป็นชุมชนขนาดใหญ่ จำลองบ้านเรือนและร้านรวงของผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ริมแม่น้ำไว้ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ประกอบกับการให้ความรู้ของผู้บรรยายที่บอกเล่าเรื่องราวความสำคัญของกลุ่มคนในอดีตได้อย่างครบถ้วน
มากกว่านั้นที่นี่..ยังเป็นที่แรกและที่เดียวในประเทศไทย ที่เผยให้เห็นองค์พระสมุทรเจดีย์เดิมที่ซ่อนอยู่ภายในพระสมุทรเจดีย์องค์ปัจจุบันที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนอีกด้วย
4.ปราการป้องแผ่นดิน
ต่อกันที่โซนที่ 4 นิทรรศการส่วนนี้จะจัดเป็น Movable Floor เพื่อให้เราได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์การต่อสู้กับเรือรบฝรั่งเศสที่บุกเข้าสยามประเทศในสมัยรัตนโกสินทร์ เมื่อครั้งวิกฤตการณ์ ร.ศ.112 โดยจะจำลองบรรยากาศการรบเสมือนจริงด้วยจอ 18 Double High Screen พร้อม Mechanic ปืนเสือหมอบที่จำลองมาจากปืนกระบอกจริงในป้อมพระจุลจอมเกล้า นอกจากนี้เรายังจะได้เห็นขบวนรถม้าบรรทุกเหรียญทอง ซึ่งเป็นเงินถุงแดงจำนวนมหาศาลที่นำไปไถ่ถอนบ้านเมืองให้เป็นเอกราชเมื่อครั้งอดีต ผ่านการจำลองด้วยเทคนิค Projection Mapping ใครชอบเรื่องราวประวัติศาสตร์บ้านเมืองเป็นทุนเดิมรับรองว่าต้องถูกใจ เพราะด้านจะในมีป้ายคอยให้ความรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ อยู่ทุกจุด สามารถเดินอ่านกันได้แบบเพลินๆ ไปเลย
5.ประตูด่านสานเศรษฐกิจ
เมื่อเรียนรู้อดีตกันไปแล้ว ก็ถึงเวลาก้าวเข้าสู่ปัจจุบัน ‘ประตูด่านสานเศรษฐกิจ’ จะเป็นโซนที่ทำให้เราเข้าใจและเห็นภาพความเข้มแข็งในมุมของเมืองอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น โดยจะฉายภาพยนตร์ที่นำเสนอเรื่องราวการเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งภาคเกษตรกรรมที่มีลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัว ภาคการท่องเที่ยวที่มีทั้งอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม และภาคการจัดการพื้นที่สีเขียวที่ดีของเมืองสมุทรปราการ ผ่านจอภาพดอกโพทะเลขนาดใหญ่กลางห้องนิทรรศการ
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้เราได้เพลิดเพลินไปกับ Interactive Game เช่น เกมขนส่งสินค้า และเกมสายพานกระจายสินค้า Future Logistics Lab เป็นมุมที่เด็กๆ น่าจะชอบ เพราะเราเองยังต้องหยุดอยู่โซนนี้นานเลยล่ะ หรือถ้าใครอยากได้ความรู้เรื่องเศรษฐกิจแบบเต็มระบบภายในนิทรรศการก็ยังมี LED Wall 360⁰ และ Projection Mapping คอยฉายข้อมูลให้เราได้เลือกอ่านกับแบบครบถ้วนเลยทีเดียว
6.มอง(กาล)ไกลไปด่านหน้า
สำหรับโซนสุดท้ายต้องใช้คำว่า ‘สุดปัง’ จริงๆ เพราะออกแบบมาได้อลังการสุดๆ ทั้งเทคนิคแสง สี เสียง และจอ LED ขนาดยักษ์ ให้เราได้ดูกันแบบ Exclusive ผ่านทางเดินกระจกแก้วที่ด้านล่างเป็นผังเมืองสมุทรปราการ เรียกได้ว่าเป็นการปิดท้ายนิทรรศการด้วยภาพความพร้อมในอนาคตของเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘ประตูด่านแรกที่เชื่อมต่อทุกพื้นที่บนโลก’ อย่างเมือง สมุทรปราการได้ดีเลยทีเดียว
อีกหนึ่งจุดที่พลาดไม่ได้คือ บริเวณชั้น 23 จุดชมวิว 360 องศา ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ไกลไปจนถึงทะเลปากอ่าวไทย พระสมุทรเจดีย์ ป้อมผีเสื้อสมุทร ป้อมพระจุลจอมเกล้า พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ผืนป่ากะเพาะหมู หรือบางกระเจ้า ส่วนไฮไลท์จะอยู่ที่ตอนกลางคืน เพราะอาคารหอชมเมืองนี้จะประดับไฟหลากสี สวยงามจนกลายเป็นจุดเด่นที่นักท่องเที่ยวต้องมาดู เราว่าจะไปเที่ยวเล่นหาความรู้ หรือไปถ่ายรูปชิคๆ เก๋ๆ ก็เริ่ด! ใครกำลังมองหาจุดเช็คอินที่ใหม่ต้องแวะไปกันแล้วล่ะ!
สถานที่: หอชมเมืองสมุทรปราการ
เปิด-ปิด: วันอังคาร – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ (ปิดวันจันทร์)
เวลา: 10.00 – 17.00 น.
Facebook: หอชมเมืองสมุทรปราการ