- ทาปันรักษ์เป็นฟาร์มสเตย์เกษตรอินทรีย์วีถีเรียบง่าย ที่ได้รับมาตรฐานฟาร์มออร์แกนิก เป็นทั้งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ แหล่งเรียนรู้ มีกิจกรรมให้ทำตั้งแต่เก็บผักผลไม้ ทำพิซซ่าเตาถ่าน หรือจะนั่งชมวิวทิวทัศน์ท่ามกลางความเงียบสงบ
- จุดเด่นของที่นี่ต้องยกให้ ‘แปลงกุหลาบสายพันธุ์บิชอปคาสเซิล’ ที่ได้รับมาตรฐานออร์แกนิกไทยแลนด์ จุดเด่นของพันธุ์นี้คือออกดอกตลอดปี หอมทน ส่งกลิ่นอบอวลทักทายผู้มาเยือนตั้งแต่แรกเริ่มที่เดินเข้ามาภายในฟาร์ม
หากได้พักผ่อนช่วงวันหยุดจะมีอะไรสุขใจเท่าการได้นอนเอกเขนกกลางฟาร์มสเตย์สักหลัง ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติรอบทิศทาง มีเสียงนก ลม ฝน เป็นซาวด์ธรรมชาติบำบัด ยิ่งถ้าเจอกับอากาศเย็นๆ คงเหมือนได้ชาร์จพลังแบบเต็มระบบ จริงๆ ก็มีเยอะนะสถานที่แบบนั้น…แต่หมุดหมายของเราคือ ‘ทาปันรักษ์’ ฟาร์มสเตย์ที่พร้อมแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้แก่ผู้มาเยือน ซ่อนตัวอยู่ใน อ.แม่ทา จ.ลำพูน
ทันทีที่เลี้ยวพ้นจากถนนเส้นหลัก เหมือนหลุดเข้ามาในชนบทญี่ปุ่น มีรางรถไฟตัดผ่านท้องนาเขียวชะอุ่มสองข้างทาง มีวิวภูเขาเป็นฉากหน้าและหลัง ระหว่างทางที่ว่าสวยแล้ว แต่เมื่อมาถึงจุดหมายยิ่งรู้สึกคุ้มค่ากับการเดินทาง ฝนตกรำไร อากาศเริ่มเย็นลงเป็นระยะ กิจกรรมหลักของเราในวันนี้คือ ‘เก็บความสุขกลับบ้าน’
• ปันรักษ์ด้วยวิถีอินทรีย์
“สุขภาพเป็นสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้ เราเลยอยากให้ทุกคนใส่ใจเรื่องสุขภาพเป็นหลัก ลองคิดดูนะถ้าเราเจ็บป่วย เราไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพราะฉะนั้นการที่มีสุขภาพที่ดี เป็นจุดเริ่มต้นของอะไรหลายๆ อย่าง” เช่นเดียวกับที่เป็นจุดเริ่มต้นของฟาร์มออร์แกนิก ‘ทาปันรักษ์’ แห่งนี้
“อยากกินอาหารที่ปลอดภัย” ความตั้งใจแรกของ ก้อย – กรรณิการ์ ต้นเส้า เจ้าของฟาร์ม
ก้อยย้อนเล่าว่า เดิมที่ดินผืนนี้แม่ของเธอทำเกษตรเพื่อเลี้ยงชีพอยู่ก่อนหน้า แต่เมื่อเธอพาตัวและใจกลับบ้านมาปักหลักใช้ชีวิตบนวิถีเกษตรอีกครั้ง สิ่งที่เธอเลือกเปลี่ยนแปลงคือ การเลิกใช้สารเคมี แล้วเดินหน้าสู่วิถีเกษตรอินทรีย์ จนประสบความสำเร็จได้รับมาตรฐานฟาร์มอินทรีย์ภาคเหนือในระยะเวลา 1 ปีต่อมา จากนั้นทาปันรักษ์ก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ก้อยเดินสายออกบูธอยู่ 2 ปี ก่อนตัดสินใจว่าจะกลับมาอยู่บ้านและฟื้นฟูฟาร์มให้เกิดประโยชน์อย่างจริงจัง
ไม่เพียงทำฟาร์มออร์แกนิกจนสำเร็จ แต่เธอยังถ่ายทอดความรู้ในการทำเกษตรอินทรีย์ให้เยาวชนที่สนใจ ทั้งยังส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่ ลด ละ เลิก ใช้สารเคมี หันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ถ่ายทอดการดำเนินวิถีชีวิตแบบยั่งยืนในแบบฉบับของเธอ
แรกเริ่มที่นี่เปิดเป็นร้านขายอาหารออร์แกนิกสำหรับคนรักสุขภาพ ก่อนพัฒนาให้ครบวงจรด้วยการเพิ่มที่พักไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่แวะเวียนเข้ามาเรื่อยๆ
• นอนบ้านดิน กินพิซซ่า
“เราเลือกทำบ้านดิน เพราะเรามองเรื่องของที่อยู่อาศัย เลยเลือกสร้างบ้านตามวัตถุประสงค์ คือ เอาไว้นอน พักผ่อน” ก้อยให้เหตุผลว่า บ้านดินคือตัวเลือกแรกเพราะสร้างเองได้ อยู่สบาย “แต่เราไม่สามารถทำเองได้ทั้งหมด เลยโพสต์ในเพจว่าเรารับ volunteer มาช่วยทำ มาอยู่ฟรี กินฟรีกับเรา แต่ขอแรงสร้างบ้าน ส่วนใหญ่คนที่มาเป็นคนบ้าพลังกันทั้งนั้น” เธอหัวเราะพร้อมชี้ให้ดูบ้านดินหลังซ้ายมือที่ใช้ระยะเวลาสร้างเพียงเดือนกว่าๆ
แม้เป็นบ้านดินธรรมดาๆ แต่ความพิเศษที่ซ่อนอยู่คือ คาแรกเตอร์ของบ้านประกอบสร้างจากตัวตนของกลุ่มอาสาสมัครที่ทำด้วยใจ เพราะหวังให้ผู้มาเยือนรู้สึกอบอุ่นเหมือนมาบ้านเพื่อน และสำคัญคือ “เราอยากให้เป็นสถานที่ที่อยู่แล้วสบายใจ”
จากน้ำพักน้ำแรงของทุกคนสู่บ้านดินสีขาวสบายตา รูปทรงโมเดิร์นดีไซน์น่ารัก ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาและสายหมอก มีท้องฟ้าสีครามโอบรอบ ทั้งยังรายล้อมไปด้วยแปลงกุหลาบและไม้นานาชนิด ที่ดีไปกว่านั้นคือไม่มีตึกรามมาบดบังวิวอาทิตย์ตกยามเย็น มีเพียงแสงสีส้มดวงกลมโตตัดกับสีเขียวของนาข้าวที่กำลังโอนเอนไปตามจังหวะเพลงที่ชื่อว่าสายลม
ที่นี่ยังมี ‘พิซซ่าเตาถ่าน’ กิจกรรมโปรดของนักท่องเที่ยว เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการนวดแป้งไปจนถึงการแต่งหน้าพิซซ่าตามใจชอบ จากนั้นรอเข้าเตาอบ 5 นาที ก็จะได้พิซซ่าหน้าตาน่ากินจากฝีมือของเราเอง วัตถุดิบที่ใช้มาจากแปลงผักออร์แกนิกที่เห็นอยู่ตรงหน้า ไม่ว่าจะหัวหอมหรือซอสมะเขือเทศสูตรพิเศษของฟาร์ม ล้วนรู้แหล่งที่มาและมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัย ให้เราได้กินกันแบบสบายใจไร้สารตกค้างจากเคมี
“เราต้องรู้ที่มาของวัตถุดิบ เพราะถ้าเราไม่รู้ที่มาของวัตถุดิบนั่นคือความเสี่ยง แม้อาหารที่เสิร์ฟจะมีไม่กี่อย่างแต่ทุกอย่างล้วนรู้ที่มา คุณมาที่นี่คุณจะได้ความปลอดภัยแน่นอน” ก้อยเน้นย้ำในสิ่งที่เธอให้ความสำคัญ
ส่วนใครอยากไปเดินสูดอากาศชมแปลงผักหรือจะรับบทชาวสวนเก็บผลไม้สดๆ จากต้นก็ทำได้ (ที่นี่ให้เก็บผลไม้กินฟรีด้วยนะ เดือนนี้ลำไยกำลังออกผลเต็มต้นเลยล่ะ!)
• กุหลาบออร์แกนิก
มาถึง ทาปันรักษ์ จะไม่พูดถึงกุหลาบก็คงไม่ได้ เพราะที่นี่เป็นสวนกุหลาบเดียวในประเทศไทยที่ได้รับมาตรฐานของออร์แกนิกไทยแลนด์
“พอเราทำที่พัก เราเห็นลูกค้าเขาชอบไปถ่ายรูปกับดอกไม้ดอกหญ้า เราก็เลยตัดสินใจว่าจะปลูกกุหลาบให้เขาได้ถ่ายรูป ตอนแรกเราก็ปลูก 10 กว่าสายพันธุ์ แต่มาคิดดู…มันได้แค่ความสวยงาม ไม่ได้ประโยชน์ ทำเงินไม่ได้ เราเลยคัดสรรสายพันธุ์ ว่าสายพันธุ์ไหนสามารถต่อยอดเป็นโปรดักส์ให้เราได้” สุดท้ายพันธุ์ที่ตอบโจทย์ที่สุดคือ กุหลาบสัญชาติอังกฤษอย่าง ‘บิชอปคาสเซิล’ มีข้อดีที่ เลี้ยงง่าย ดอกดก ออกดอกตลอดปี และหอมทน ส่งกลิ่นอบอวลทักทายผู้มาเยือนตั้งแต่แรกเริ่มที่เดินเข้ามาภายในฟาร์ม
“หลายคนเข้าใจว่ากุหลาบต้องปลูกในพื้นที่ที่มีอากาศหนาว ต้องปลูกบนดอย ต้องปลูกที่สูง ความจริงมันไม่ใช่ คนเข้าใจไปเอง หรือบางคนก็บอกว่าซื้อไปปลูกแล้วตาย นั่นเพราะเขาไม่ได้เรียนรู้ว่าจริงๆ แล้ว กุหลาบชอบน้ำจัด แดดจัด” พูดเสร็จก้อยก็เสิร์ฟน้ำกุหลาบออร์แกนิกให้เราได้ลองดื่ม
บนแก้วประดับด้วยกุหลาบดอกโตสีชมพูกลิ่นหอมฟุ้ง ส่วนรสชาติก็กำลังดีไม่หวานจนเกินไป ความซ่าจากโซดาเติมความสดชื่นให้วันนี้ได้ดีเลยทีเดียว เราสังเกตว่าสีชมพูในแก้วเริ่มจางกว่าช่วงแรกที่วางไว้ “เพราะมันเป็นออร์แกนิก ถ้าโดนแสงสีมันจะค่อยๆ จางลง แต่กลิ่นยังอยู่เหมือนเดิม” เธอเฉลยคำตอบให้เราฟัง นอกจากเครื่องดื่มยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากมายให้เราได้เลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน ทั้งชากุหลาบ และไซรัปกุหลาบ
ถือว่าวันนี้เสร็จสิ้นภารกิจหลักของวัน ได้ความสุขกลับบ้านอย่างที่เราตั้งใจไว้ เสียงลมเอื่อยๆ ประกอบกับฝนที่โปรยลงมาเป็นระยะๆ ระหว่างบทสนทนา และรอยยิ้มของก้อยจะเป็นภาพความประทับใจที่เราเก็บไว้ในผนังความทรงจำ และคงจะกลับมายังสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง…
จะมีสักกี่ที่กัน ที่เป็นพื้นที่ของความสบายใจเมื่อได้ไปสัมผัสจริง ๆ สบายใจที่จะพัก สบายใจที่จะใช้เวลาดื่มด่ำและซึมซับบรรยากาศ ณ ห้วงเวลา ณ สถานที่แห่งนั้น
หากอยากรีชาร์จความสุขให้ตัวเอง ทิ้งความวุ่นวายของเมืองกรุงไว้ชั่วขณะ เอาตัวและใจมาอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดของธรรมชาติ ‘ฟาร์มทาปันรักษ์’ คือที่แห่งนั้น
ทาปันรักษ์
ที่อยู่: 80/1 ต.ท่าสบสาว อ.แม่ทา จ.ลำพูน 51140
เปิด-ปิด: ทุกวัน เวลา 8.00 – 17.00 น. (ปิดวันจันทร์)
Facebook: Tapunrak-ทาปันรักษ์ (สามารถติดต่อสอบถามที่พักได้ทาง inbox)