อ่านสงขลา
เที่ยวสงขลาในมุมนักอ่าน ผ่าน 5 ของดีที่ทำให้คนรักหนังสือเห็นแล้วใจฟู
- ชวนเยือนสงขลาแบบสวมวิญญาณนักอ่าน สำรวจร้านหนังสือ ห้องสมุด ไปจนถึงร้านซ่อมหนังสือ หรือฟังบุ๊คทอล์กที่เราเชื่อว่าเป็นทริปที่จะทำให้คนรักหนังสือใจฟูจริงๆ
สงขลา … แม้ไม่ถึงขั้นเป็นเมืองติดอันดับท็อปเท็นมหานครแห่งการอ่านยิ่งใหญ่บนแผนที่โลก แต่ก็แวดล้อมด้วยพลังอันสร้างสรรค์กระปรี้กระเปร่าของผู้คน ชวนเรานึกถึงประโยคๆ หนึ่งที่ใครสักคนบันทึกไว้ว่า ‘หนังสือเล่มเล็กๆ เพียงไม่กี่เล่มกลับทำให้รสชาติของการเดินทางกลับมีความหมายขึ้นกว่าเดิม…’
เพราะสงขลายังมีพื้นที่ดีๆ คอยบ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์เชื่อมต่อคนเมืองและหนังสือเข้าด้วยกัน ทั้งห้องสมุด ร้านหนังสืออิสระ คลีนิกชุบชีวิตหนังสือเก่า เป็นบ้านของนักเขียนระดับซีไรต์และผู้คนมากมายในวงการ มีคอมมูนิตี้นักอ่าน-นักเขียนที่แข็งแรง เรียกว่าเป็นเมืองของคนรักการอ่านที่มีสุนทรียภาพไม่ธรรมดาทีเดียว
ประติมากรรม “คนอ่านหนังสือ” (วงเวียนเช็กชื่อ)
บางครั้งแผนหลวมๆ ไหลไปตามดวงก็พาเราไปเจอของดี ยิ่งเป็นช่วงยามเย็นแดดร่มลมตกบอกเลยบรรยากาศดีมาก พิกัดที่ต้องขับรถเลาะไปจนเกือบสุดถนนชลาทัศน์ จะพบรูปปั้นประติมากรรม ‘คนอ่านหนังสือ’ รูปปั้นที่ว่าถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2548 โดย ‘อาจารย์มนตรี สังข์มุสิกานนท์’ ผู้ถ่ายทอดความรู้สึกผ่านผลงานศิลปะ สัญลักษณ์เมืองแห่งการเรียนรู้ของจังหวัดสงขลา
.
ไม่น่าเชื่อว่าประติมากรรมที่ดูเรียบง่ายชิ้นนี้กลับมีความหมายกับนักอ่าน แถมยังมีความเชื่อและเรื่องเล่าขานเป็นเรื่องราวถูกบอกต่อจากรุ่นสู่รุ่น
คนรุ่นใหม่ย่านนี้พากันเรียกอีกชื่อนึงว่า ‘วงเวียนเช็กชื่อ’ เวลาขับรถผ่านจะตะโกนเรียกชื่อตัวเองแล้วขานรับ มาครับ/ มาค่ะ กันโหวกเหวก เอาจริงๆ ถ้ารูปปั้นนี้มีชีวิต เราคนหนึ่งที่แอบอิจฉา เพราะการมีพื้นที่หรือมุมนั่งอ่านหนังสือสักเล่ม ค่อยๆ พลิกไปทีละหน้าท่ามกลางแดดอ่อนๆ มองฟ้าเปลี่ยนสีในแต่ละวัน แถมยังได้มองคลื่นทะเล สัมผัสลมเอื่อยๆ โคตรชิล ถ้าเพื่อนๆ มีโอกาสแวะไปอย่าลืมเช็กชื่อ เอ้ย! อย่าลืมแวะไปตรงนี้นะ จะหยิบหนังสือสักเล่ม ไปนั่งปูเสื่อปิกนิก หรือจะเดินเล่น เดินออกกำลังกายรับลมชมวิวก็คงดีไม่น้อย
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/saLvrdL4cAqkjtVx5
ที่จอดรถ : พื้นที่สาธารณะ จอดได้บริเวณเลียบหาดสมิหลา
ร้านหนังสืออิสระ dot.b
เราเชื่อว่าร้านหนังสือทำให้เมืองมีชีวิต ก็คงไม่ต่างจากคาเฟ่ หรือร้านอาหารเก่าแก่ที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น
‘เมืองที่ดีควรจะมีร้านหนังสือ เราจะพยายามเป็นร้านหนังสือที่ดีของเมืองนะครับ’ ประโยคนี้คล้ายๆ Motto แทนความในใจของ ‘ โก้ ธีระพล วานิชชัง’ เจ้าของร้านหนังสือ dot.b ที่ตั้งใจเปิดร้านหนังสืออิสระในบ้านเก่าอายุกว่า 80 ปีขึ้นมาอย่างเป็นทางการเมื่อวันพุธที่ 25 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา หลังจากที่ ‘ร้านหนังสือเล็กๆ’ บนถนนยะหริ่งของ ‘เอ๋ อริยา ไพฑูรย์’ ที่ตอนนี้ย้ายโลเคชั่นในไปตั้งอยู่ในอำเภอสารภี จ.เชียงใหม่
dot.b ที่เป็นทั้งร้านกาแฟหันหน้าทางถนนนครนอก และร้านหนังสืออิสระที่หันหน้าไปทางถนนนครใน (จะเข้าทางไหนก็แล้วแต่) มีเป้าหมายไม่ใช่แค่ขายหนังสือเพียงอย่างเดียว แต่อยากให้ร้านเป็นส่วนหนึ่งของย่าน เป็นพื้นที่กระจายข่าวสาร ร่วมทำกิจกรรมต่างๆ ในย่านด้วย นอกจากมีหนังสือน็อน-ฟิกชั่นและฟิกชันให้เลือกหลากหลาย ยังมีมุมนั่งอ่านหนังสือในมุมสงบๆ ที่เปิดจนถึงเที่ยงคืนมีเจ้าแมวน้อยคอยต้อนรับ ส่วนชั้น 2 ยังออกแบบให้มีฟังก์ชั่น เป็นโอเพ่นสเปซ เอาไว้นั่งอ่านหนังสือนั่งทำงาน หรือสำหรับจัดอีเว้นต์ เอ็กซิบิชั่น จัดวงเสวนาเล็กๆ ได้
3 ครั้งจากการได้แวะมาที่นี่ เราได้หนังสือเล่มเล็กๆ พกติดกลับมา 3 เล่ม จากร้านหนังสืออิสระจากสงขลาเป็นของที่ระลึกให้ตัวเอง ถือว่าดีเลยทีเดียว
เปิดให้บริการ : วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00 – 24.00 น./วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00 – 24.00 น.
FB : dot.b
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/BfWtgoPvEsZ8B2rRA
โทร : 065-017-1667
ร้านซ่อมหนังสือ
ห้องแถวเล็กๆ คูหาเดียวบนถนนยะลา คือที่ตั้งของร้านซ่อมหนังสือร้านเดียวในย่านเมืองเก่าสงขลา หรือจะเรียกที่นี่อีกอย่างว่า เป็นคลีนิกชุบชีวิตสมุดและหนังสือก็คงไม่ผิด ที่นี่มักจะถูกแซวบ่อยๆ ว่าร้านปิดมากกว่าเปิด ใครจะมาต้องพกดวงมาด้วยเท่านั้น!
แต่มันคือรสชาติหนึ่งของการพบเจอ หรือสีสันเดินทาง…ว่ามั้ย? ใดๆ ก็ตามถือว่าแต้มบุญเรายังมี เพราะวันที่เราไปเยือนประตูไม้บานเฟี้ยมเปิดอยู่ จัดว่าเป็นสัญญาณที่ดีแถมมีจักรยานหนึ่งคันถ้วนจอดหน้าร้าน การันตีชัวร์ๆ ว่าเจ้าของอยู่แน่นอน
ยังไม่ทันเข้าไปก็ได้กลิ่นหนังสือ กลิ่นกาแฟหอมตลบอบอวลพอๆ กัน เรายื่นหน้าชะเง้อเข้าไปทักทายเอ่ยสวัสดีพี่เจ้าของร้าน หรือ ‘หมั่น – ชาญชัย ยงรติกุล’ เจ้าของกวี นามปากกาว่า ‘หินสีครีม’ แบบไม่รีรอ
อดตื่นเต้นไม่ได้เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือ ชั้นไม้ที่เต็มไปด้วยหนังสือเล่ม สมุดโน้ตเล่มเล็กเล่มน้อย อุปกรณ์จิปาถะ มีสมุดแฮนด์เมด หลายขนาดวางเรียงราย ถัดไปมีหนังสือวรรณกรรมที่ฝากวางจำหน่าย อีกมุมเกือบจะอยู่หลังร้านเป็นโต๊ะทำงานแวดล้อมด้วยสมุดหนังสือกองพะเนินที่รอคิวซ่อม ทั้งเย็บเข้าเล่มใหม่ เปลี่ยนปกสมุดให้แข็งแรงขึ้นกว่าเดิม ซ่อมหนังสือเก่าเล่มหนาเตอะ หนาขนาดที่ว่ายกแล้วกล้ามขึ้น! ให้กลับมาใช้งานได้ คนรักหนังสือของแทร่! ต้องใจฟูแน่นอน
เปิดให้บริการ : ทุกวันตั้งแต่เช้าถึงเย็น (หากมีธุระ ควรโทรนัดหมายล่วงหน้า)
โทร : 082-429-9196
Facebook : บาย หินสีครีม
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/C2nGJjnCi1LqG4oj8
ห้องสมุด ยับ เอี่ยน ฉ่อย
เรายังอยู่แถวๆ ย่านเมืองเก่าสงขลา หลายคนคงคิดเหมือนกันว่าท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง กิจกรรมอ่านหนังสือของผู้คนก็น่าจะเปลี่ยนไปจากเดิม แต่ทำไมยังมีห้องสมุดผุดขึ้นแบบสวนทางกันนะ
ถ้าใครได้ตามบันทึกในแต่ละวันของเพจ ‘ห้องสมุด ยับ เอี่ยน ฉ่อย’ บอกเอาไว้ว่า ในรอบไม่ถึง 2 ปี มีผู้คนจากทั่วโลก แวะมาเยือนห้องสมุดมากถึง 12,658 คน (มิถุนายน 2024) เฉพาะที่ลงนามในสมุดเยี่ยม มีคนแวะมาแบบนี้ก็คงไม่แปลกใจแล้วใช่ไหม ว่าพื้นแห่งนี้น่าจะมีดีจริงๆ !
จากแลนด์มาร์ก ‘โรงสีแดงหับโห้หิ้น’เดินตรงไปจนถึงท้ายถนน จะมองเห็นอาคารเก่าชั้นเดียวมุงกระเบื้องโบราณตั้งอยู่ริมทะเลสาบ ด้านหลังมีลานโล่ง แต่เดิมเคยเป็นโกดังข้าว คือที่ตั้งของ ‘ห้องสมุด ยับ เอี่ยน ฉ่อย’ ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม มูลนิธิวิชาหนังสือและ ‘เกล้ามาศ ยิบอินซอย’ เจ้าของสถานที่ซึ่งมอบอาคารโกดังข้าวเก่าให้ใช้ดัดแปลงเป็นห้องสมุดประจำเมืองในโครงการพัฒนาระบบหนังสือต้นแบบ
ที่นี่เป็นห้องสมุดสำหรับทุกคน รวบรวมหนังสือที่บอกเล่าประวัติศาสตร์เมืองสงขลาสำหรับใครที่สนใจค้นคว้าข้อมูลและหนังสือน่าอ่านอีกหลากประเภท สามารถเลือกหยิบหนังสือมานั่งอ่านได้ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ บางครั้งยังเป็นพื้นที่เรียนรู้ ศึกษาดูงานและจัดทำกิจกรรม ทำเวิร์กชอปได้ด้วย
ที่ห้ามพลาด! คือ ถ่ายรูปกับประติมากรรม “เสาหนังสือ” ที่ก่อร่างโอบล้อมเสาอาคารกลางห้องโถงจากหนังสือภายในห้องสมุดได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยจุดประสงค์เพื่อการปกป้องโครงสร้างอันเปราะบางของเสาอาคาร และมีแผนเปลี่ยนหนังสือที่เสาหนังสือปีละครั้ง
สิงหาคมปีนี้ก็จะครบขวบปีที่ 2 ที่ได้เปิดทำการ บอกเลยว่า แค่ได้นั่งไล่อ่านบันทึกกิจกรรมและผู้มาเยี่ยมเยียนห้องสมุดแต่ละวันของ อ.สดใส ขันติวรพงศ์ หนึ่งในบรรณารักษ์ผู้ดูแลก็เพลินแล้ว ชวนอดฝันไม่ได้ที่อยากจะให้มีห้องสมุดดีๆ แบบนี้เยอะๆ ทั่วไทย
เปิดให้บริการ : 09.00 – 17.00 น. (ปิดวันจันทร์-พุธ)
FB : ห้องสมุด ยับ เอี่ยน ฉ่อย
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/qSrfuKt4dpnTDiHQ8
Cr : ภาพจากห้องสมุด ยับ เอี่ยน ฉ่อย
Hatyai Book Club
ก่อนอื่นต้องยินดีด้วยอีกครั้งกับ ‘Hatyai Book Club’ ที่เพิ่งครบขวบปีพอดิบพอดีในการเป็นคอมมูนิตี้นักอ่านนักเขียนที่น่าจับตามองสุดๆ เป็นอีกพลังของคนกลุ่มเล็กๆ ที่อยากสร้างสังคมการอ่าน
เป็นความบังเอิญที่โชคดีที่เราได้เจอ ‘มู๊ดดี้ ณัฐวัฒน์ ปาลสุข’ จาก Lucas. HDY หนึ่งในผู้ก่อตั้งคลับนี้ เขาบอกว่า “ ‘Hatyai Book Club’ เป็นคลับที่เกิดจากการรวมกลุ่มคนที่มีความชอบต่อสิ่งเดียวกัน เป็นพื้นที่พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องต่างๆ ที่มีหนังสือเป็นจุดตั้งต้นบทสนทนา เปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ร้านกาแฟ คาเฟ่ แคมป์ น้ำตก หรือที่ไหนๆ ก็ได้ มีสมาชิกทุกเพศ ทุกวัยทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ กำหนดจัดกิจกรรมเอาไว้เดือนละครั้ง” พูดง่ายๆ เหมือนเป็นวงคุยที่ได้เชื่อมผู้คนถึงกันและกัน
‘อ่านที่ไหน มีความสุขที่นั่น’ เราขอนิยามคลับพวกเขาไว้แบบนี้ล่ะกัน
ยิ่งได้ฟังเรื่องเล่าจากธีมหัวข้อในการกิจกรรมแต่ละครั้งน่าสนุกไม่เบา ไม่ว่าจะเป็นการหยิบหนังสือคลาสสิกสักเล่มมาทอล์กกัน /ทอล์กกับหนังสือ “How book love us?” ในเดือนแห่งความรัก / กิจกรรม Blind Date with a Book /กิจกรรม Drip and Read พกหนังสือที่อยากแชร์ให้เพื่อนอ่าน 1 เล่ม และหนังสือที่ตัวเองอยากอ่านในบรรยากาศใต้ร่มไม้ ฟังเสียงน้ำจิบกาแฟดริปกันผลัดกันชงผลัดกันชิม /กิจกรรม Writing Club อีกเวทีแบ่งปันประสบการณ์และเคล็ดลับในการหาแรงบันดาลใจ สำหรับนักเขียนและนัก (อยาก)เขียน ที่สรรหานักเขียนมีชื่อมาเป็นโค้ช
ครั้งหน้าถ้าอยากร่วมวง คงต้องแวะมาแจมด้วยตัวเองสักครั้งแล้ว
ติดตามความเคลื่อนไหวและการจัดกิจกรรมของพวกเขาได้ที่
FB : Hat yai Book Club
Cr : ภาพจาก Hat yai Book Club