- ‘Monstermom Records’ ค่ายเพลงเล็กๆ แบบทำกันเองโดย ‘กุ้ง- วรรณศิริ ศรีวราธนบูลย์’ และลูกสาว ‘วีร์- วีร์ ศรีวราธนบูลย์’ หรือแร็ปเปอร์ในนาม BADBITCHBKK สื่อกลางความสัมพันธ์แม่-ลูก ที่เชื่อว่าศิลปะไม่มีขอบเขต และครอบครัวคือการโอบรับความไม่สมบูรณ์แบบ
‘MonsterMom’ ชื่อนี้ชวนให้คิดว่านี่เป็นเรื่องราวความสัมพันธ์แบบไหน
แบบ “แม่สร้างขวัญได้ แม่ก็ทำลายขวัญได้” หรือเปล่า? หรือแบบออโรรากับมาลิฟิเซนต์ตามรูปโปรไฟล์ที่ตั้งเด่นหราอยู่บนหน้าเว็บไซต์ของผู้เป็นแม่? เราตั้งคำถามเหล่านี้ในระหว่างการทำรีเสิร์ชเพื่อเตรียมคำถามในการพูดคุยกัน ยิ่งค้นก็ยิ่งสนใจในไดนามิกของสองแม่ลูกคู่นี้
กุ้ง- วรรณศิริ ศรีวราธนบูลย์ คือสถาปนิก อาจารย์มหาวิทยาลัย คอลัมนิสต์ นักเขียนวรรณกรรมแนวฆาตกรรมอีโรติก นักธุรกิจ ศิลปิน และ “แม่ของปีศาจ” เธอนิยามตัวเองว่าอย่างนั้น
ส่วนวีร์- วีร์ ศรีวราธนบูลย์ หรือ BADBITCHBKK คือแร็ปเปอร์ บิวตี้คอนเทนต์ครีเอเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่อง Mythology สากล นักกีฬา นักออกแบบลายสัก และลูกสาว
กุ้งและวีร์ทำงานร่วมกันภายใต้ MonsterMom Records ค่ายเพลงที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นแพลตฟอร์มให้วีร์ได้ทำเพลงของในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง และซัปพอร์ตเพื่อนๆ ในวงการดนตรีฮิปฮอป
เชื่อว่าหลายๆ คนคงคิดแบบเดียวกันว่า แค่เถียงกับแม่เรื่องเกี่ยงกันล้างจานก็ปวดหัวจะแย่แล้ว จะมีแม่ลูกสักกี่คู่ ที่สามารถทำงานร่วมกันในฐานะศิลปิน จนถึงขั้นมีค่ายเพลงด้วยกัน? บทความนี้ “ปีศาจและผู้สืบสันดาน” จะมาเล่าเรื่องราว ครอบครัวที่ไม่เพอร์เฟกต์ การควบตำแหน่งแม่เเละโปรดิวเซอร์ รวมไปถึงอิสระในการสร้างงานศิลปะให้เราฟังกัน
ALMOST FAMOUS (เดี๋ยวก็ดัง)
วีร์ชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ ชอบถึงขั้นที่ว่าหิ้วกีตาร์ออกจากบ้านไปร้องเพลงเปิดหมวกแถวอโศกคนเดียวตั้งแต่มัธยม และด้วยความที่ติดใจท่อนที่ร้องเร็วๆ รัวๆ เป็นพิเศษ เส้นทางของวีร์ในวงการเพลงฮิปฮอปเลยเริ่มต้นขี้น
การ Diss คำหยาบ และอารมณ์ที่ปะทะรุนแรง เป็นเอเลเมนต์บ่งบอกความเป็นเพลงแร็ปที่วีร์หลงใหลมากๆ เธอชอบความดุดันของมันที่ทำให้เธอสามารถสื่อสาร “ความเรียล” ของตัวเองออกมาได้อย่างชัดเจน แต่มองให้ลึกลงไปอีก วีร์มองว่าเพลงแร็ปก็คือรากฐานของเพลงที่มีเนื้อร้องทุกๆ แบบ เพราะมันคือการพูดให้ตรงบีท จะเพลงลูกทุ่งหรือเพลงป๊อปก็ต้องเริ่มต้นจากการเขียนคำให้คล้องจองกัน และเปล่งเสียงออกไปให้ตรงจังหวะทั้งนั้น ไม่ต่างอะไรจากศิลปะการแต่งกลอน
จากที่ทำเพลงกันเองกับกลุ่มเพื่อนช่วงมหาวิทยาลัย วีร์ในนาม ‘BADBITCHBKK’ ก็ค่อยๆ ขยับขยายความสามารถตัวเองไปสู่เวที The Rapper ในปี 2021 จนได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินในค่ายอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ด้วยความที่ไปอยู่ค่ายใหญ่ คนคงจะไม่ได้มองเห็นเราง่ายๆ ถ้าไม่ใช่ตัวท็อป แล้วก็อยากจะทำเพลงในแบบของตัวเองให้สุดๆ ด้วย MonsterMom Records เลยถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการนี้
จากแม่ผันตัวไปเป็นพีอาร์ โปรดิวเซอร์ เเละผู้ช่วย กุ้งเล่าถึงที่มาของค่ายเพลงเล็กๆ ค่ายนี้ ที่แม้จะทำกันเอง แต่ก็ช่วยซัปพอร์ตแร็ปเปอร์อีกหลายๆ คนที่ออกมาจากรายการด้วยเงื่อนเดียวกันว่า “ไม่ว่าจะค่ายเล็กหรือค่ายใหญ่ โครงสร้าง วิธีคิด การทำงานก็จะคล้ายๆ กัน ต้องมีโปรโมชั่น มีการขายอะไรต่างๆ ซึ่งเราทำงานพวกนี้ให้กับองค์กรอื่นๆ อยู่เเล้ว เราก็เลยมีตรงนี้มาซัปพอร์ตเขา
ที่วีร์เขาทำอยู่เนี่ย เกือบจะทั้งหมดเขาก็ใช้เงินตัวเอง แต่เราจะช่วยในกรณีที่ว่าหาซัปพลายให้มันคุ้มกับงานที่เขามีที่สุด บางอันเราก็ทำเอง ถ่ายรูปอะไรแบบนี้เราก็ทำ จบสถาปัตย์มา ถูกสอนว่าต้องทำได้”
FAKE ft. MonsterMom
สองแม่ลูกจูงมือกันเข้าวงการแบบที่ความรู้ในการทำเพลงแทบจะเป็นศูนย์ ถึงจะเขียนเพลงได้ แต่พอมีเรื่องบีท เรื่องดนตรีเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งคู่ต้องกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง
“ในการทำงานของโปรดิวเซอร์เนี่ย วีร์ไม่ได้มีพื้นฐานในเรื่องการทำบีทหรือว่าการมิกซ์มาสเตอร์ แต่ว่าคนในสตูดิโอก็เป็นคนรุ่นเดียวกัน เป็นเพื่อนที่สนิทกัน พูดจากันรู้เรื่องอยู่แล้ว กำเเพงเดียวที่มีก็คือความไม่รู้ของเรา
แต่กับคุณแม่เนี่ย เวลาที่เขาไปเป็น Executive Producer แล้วเขาต้องคุยกับคนที่มีหน้าที่ทำบีท ทำมิกซ์ เขามี 2 กำแพงเลย คือ 1. กำแพงความเข้าใจทางภาษา และ 2. กำแพงของความไม่รู้”
เป็นอีกครั้งที่กุ้งหยิบมายด์เซ็ตแบบสถาปนิกมาใช้ เธอต้องมองปัญหาเชิงโครงสร้างให้ออก และแก้ให้ถูกจุด ซึ่งคำตอบของกุ้งในโครงสร้างอันยากจะทลายนี้ก็คือ “การไปเรียนทำบีท” และซื้ออุปกรณ์มาลองมิกซ์เองที่บ้าน จนตอนนี้กำแพงได้ถูกทุบจนมองลอดผ่านไปได้สบายๆ
ในมุมหนึ่งกุ้งมองว่าคือราคาที่ต้องจ่าย อยากเข้าไปอยู่วงการไหนก็ต้องเรียนรู้ เข้าไปคลุกคลีให้ถึงที่สุด ถึงขั้นลุกมาแต่งหน้าแต่งตัวตอน 3 ทุ่มเพื่อไปแทรกตัวในไนต์ซีนของวงการฮิปฮอป ทั้งที่อยากนอนอยู่บ้านมากๆ ก็ทำมาแล้ว แต่มองอีกมุมเธอก็สนุกกับการทำเพลงและการเรียนรู้คัลเจอร์ของคนรุ่นใหม่มากเช่นกัน
การร่วมมือกันของกุ้งและวีร์เป็นไปอย่างธรรมชาติ ถ้าเป็นเรื่องของการทำงานศิลปะแล้ว ทั้งคู่เคารพกัน มีติด่ากันบ้าง แต่ก็ด่ากันด้วยเหตุผล อะไรที่กุ้งแนะนำมาแล้ว วีร์ว่าดีก็ปรับ ไม่ดีก็ไม่ปรับ งานคอลแล็ปก็เลยมีมาให้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ
“ส่วนมากวีร์จะเป็นคนตื่นสาย ส่วนพี่จะมี 2 ชีวิต คือชีวิตทำงานเหมือนคนธรรมดา ทำธุรกิจ เป็นแม่บ้าน พี่ก็เลยจะตื่นมาทำสิ่งต่างๆ ในตอนเช้า อย่างเช่นเขียนเพลง ก็นับเป็นงานชิ้นนึง เขียนเสร็จแล้วก็จะไปปลุกวีร์ว่า “เฮ้ยวีร์ แม่แต่งท่อนนี้เอาไว้ วีร์มาแต่งต่อสิ” แล้วก็จะกลายเป็นงานออกมา บางเพลงก็ไปหาคนมาร้อง บางเพลงก็ร้องกันเอง” กุ้งเล่า
อย่างเพลงที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือเพลง FAKE ที่กุ้งแต่งให้วีร์เป็นของขวัญวันเกิด แล้ววีร์ก็มาแต่งต่อจนจบ กุ้งเล่าให้เราฟังว่าเป็นเพลงที่ตั้งใจแต่งไว้ให้วีร์ฟังในวันที่รู้สึกพ่ายแพ้ และเสียใจ
แม้คำว่า Fake จะดูมีความหมายในด้านลบ แต่วีร์อธิบายให้เราฟังว่า “เมสเสจของเพลงมันก็ง่ายๆ ‘Fake it til’ you make it’ คนส่วนใหญ่จะคิดแค่ว่า ต้องสู้! ต้องเดินหลังตรง! แม้ในวันที่เศร้า แต่ความจริงคือ บางทีเราก็ต้องปลอมเพื่อที่เราจะสามารถจริงได้ เราปลอมไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็จริงเอง เราเฟคไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็จริง”
BAD BITCH
แน่นอนการเป็นแร็ปเปอร์ย่อมมาพร้อมภาพลักษณ์ที่ยากทำให้ผู้ใหญ่เก็ต ความสตรีต ความฮิปออป และความเซ็กซี่ ไม่ใช่เรื่องที่แม่ๆ ในบริบทของสังคมไทยสามารถยิ้มรับได้เสมอไป แต่กับกุ้ง วีร์กลับบอกว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ต้องกังวลเลย เพราะอะไรก็ตามที่เป็นงานและโปรดักทีฟ แม่พร้อมสนับสนุนเสมอ เธอยกตัวอย่างให้ฟังว่าสมัยเด็กๆ เพียงเธอบอกแม่ว่าอยากเป็นช่างสัก แม่ก็ยินดีที่จะพาไปเลือกซื้ออุปกรณ์สักให้มาลองทำดู
ด้านกุ้ง เมื่อถามว่าเธอมีความกังวลไหม ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีอยู่ ด้วยความที่ทั้งคู่เติบโตมาในสภาพสังคมที่ต่างกัน “วีร์เขาจะต่างกับเรา เรามาจากชนชั้นล่าง เป็นเด็กต่างจังหวัด ออกจากบ้านมาตั้งแต่อายุ 14 นั่งรถไฟชั้น 3 มาคนเดียว เพราะฉะนั้นวิธีคิดที่มีต่อโลกนี้คือความระมัดระวัง เราเป็นคนที่เรียนรู้โลกด้วยความเจ็บปวดของตัวเอง จะศึกษาเฝ้ามองก่อนแล้วค่อยเลือกว่าจะทำอะไร แต่วีร์เขาเอาหัวชนเข้าก่อนแล้วค่อยเรียนรู้จากบาดแผล นี่คือสิ่งที่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง” พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือกุ้งก็ยังคงมองโลกในมุมมองของแม่แบบ “ป้าๆ” เห็นลูกแต่งตัวโป๊ก็มีเป็นห่วงบ้างเป็นธรรมดา
ยังไงก็ตาม ในมุมของศิลปะกุ้งก็มองว่าการพรีเซนต์ตัวเองของวีร์ไม่ควรจะมีขอบเขต ไม่ควรจะมีกรอบ เธอเลือกที่จะให้ลูกได้ตัดสินใจเองมากกว่า ซึ่งวีร์เองก็ยืดอกพูดได้อย่างมั่นใจว่า “วีร์ไม่ได้จะบอกว่าวิธีใช้ชีวิตของวีร์ถูกนะ ก็จริงอย่างที่แม่พูดว่าโตมาไม่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้คิดว่าวิธีที่วีร์ใช้ชีวิตมันผิดเหมือนกัน เพราะว่ามันก็เวิร์กในระดับหนึ่ง ถ้าเวิร์ก ก็ไม่ผิด”
“เราจะมีคำพูดเล่นๆ กันในบ้านว่า “อยู่ว่างๆ สร้างศัตรู” ไม่มีอะไรก็เขียนอะไรลอยๆ ให้คนเกลียดเล่น แกว่งปากหาตีนอะไรอย่างเงี้ย นี่คืองานอดิเรกวีร์ ของเราเนี่ยงานอดิเรกคือปลูกต้นไม้ วาดรูป นี่ว่างๆ เขียนอะไรให้คนด่า” สองแม่ลูกเล่าหยอกล้อกันอย่างขำขัน
ฟังมาถึงตรงนี้ภาพของปีศาจตรงหน้าไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่เราคิด เรามองว่ามันคือความไม่สมบูรณ์แบบ การกระทบกระทั่ง ความเปราะบาง เเต่อย่างน้อยก็คือความไม่สมบูรณ์แบบที่เกื้อหนุนกัน
BUTTERFLY
การทำเพลงสำหรับวีร์คือสิ่งที่ยังอยาก explore ไปเรื่อยๆ เธอไม่จำกัดตัวเองว่าจะต้องเป็นแค่เเร็ปเปอร์ และพร้อมรับทุกโอกาสใหม่ๆ ที่เข้ามา ถ้าวันหนึ่งการเป็นแร็ปเปอร์พาให้เธอได้ไปทำพาร์ตโปรดักชั่นก็ดี ไปเป็นนักแสดงก็ยิ่งดี
“คิดว่าการที่มีแม่ที่สนใจในศิลปะช่วยซัปพอร์ตวีร์ในฐานะศิลปินไหม ?” เราถามด้วยความสงสัย เพราะนึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ ว่าถ้าเรามีแพสชั่นกับอะไรสักอย่าง แต่คนที่บ้านไม่เห็นด้วย จะต้องทำยังไงถึงจะหาบาลานซ์ให้ทำตามฝันได้
“วีร์ไม่รู้เพราะว่าไม่เคยมีแม่ที่ไม่ชอบศิลปะ” วีร์ตอบสั้นๆ จนแม่แซวว่า “ตอบกวนตีนนี่”
“คนที่พ่อแม่บอกว่าไม่อยากให้ทำเพลงกับคนที่พ่อแม่บอกว่าเพลงมึงห่วยนี่คนละอย่างกันเลยนะ วีร์เคยได้ฟังจากคนอื่นมาบ้างว่า ที่บ้านเขาไม่ซัปพอร์ต ตอนแรกเราก็ไม่เข้าใจหรอกว่าเขาหมายถึงอะไร จนได้ไปเห็นบางคนที่เรารู้สึกว่าเก่งมากๆ แล้วต้องหยุดทำไป เพราะว่าแบกความคาดหวังอะไรไว้อยู่” วีร์เล่า เธอสรุปว่าเป็นความโชคดีของเธอมากๆ ที่ที่บ้านไม่ต่อต้าน แถมยังช่วยเหลืออย่างเต็มที่อีก
ด้านกุ้ง หลังจากที่ได้ไปโลดแล่นในหลายสายงาน และได้ค้นหาตัวเองอย่างไม่รู้จบตลอดชีวิตที่ผ่านมา เราถามเธอว่าการมีลูกอินสไปร์หรือเปลี่ยนการใช้ชีวิตเธอยังไงบ้าง เธอตอบได้แบบไม่ต้องคิดเยอะว่า “สนุก” จากที่เป็นคนไม่มีใคร และสู้มาตามลำพัง การให้กำเนิดวีร์เเละ “วิศ” ลูกชาย ทำให้เธอรู้สึกว่ามีพวกพ้อง ชีวิตในแบบที่ไม่เคยได้ใช้ ก็ได้มาเห็นลูกๆ ใช้กัน
“แต่ก่อนกางเกงขาสั้นไม่เคยได้ใส่เลย เสื้อสายเดี่ยว แขนกุดก็ไม่เคยได้ใส่ วีร์นี่แทบจะเดินแก้ผ้าออกจากบ้าน ก็เลย เออ แบบนี้มันก็มี! (หัวเราะ) เราก็ได้เรียนรู้ คิดว่าเราก็แต่งตัวดีมาทั้งชีวิต ก็ไม่เห็นได้อะไร วีร์มันแต่งตัวโป๊ก็ไม่เห็นจะเสียอะไร” กุ้งเล่าพร้อมหัวเราะ
“ก็อย่างที่แม่เห็นว่าความดีมันไม่ได้มีแบบเดียว ความเลวก็ไม่ได้มีแบบเดียว ต่อไปนี้เราก็คงได้เห็นความดีแบบแปลกๆ อะไรที่เราไม่คิดว่าดี ก็อาจจะดีขึ้นมาได้เหมือนกัน ก็อยากให้ใจเย็นๆ” วีร์เสริม
สุดท้ายเราเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้บอกสิ่งที่อยากบอกต่อกันสักหน่อย แต่ดูจากรีแอ็กชันทั้งคู่ที่อึกอักเคอะเขินกันอยู่นาน คำถามนี้อาจจะดูเหมือนสัมภาษณ์ดาราจนเกินไป เลยขอเลือกคำตอบที่คิดว่ามีความเป็น MonsterMom และ BADBITCHBKK ที่สุดมาให้ทุกคนอ่านแล้วกัน
“ถ้าอายุเท่ากัน แกไม่ได้เกิดนะ” กุ้งทิ้งท้าย
ติดตามผลงานเพลงของ BADBITCH BKK ได้ที่
Youtube: BADBITCHBKK & Monstermom Records, Instagram: badbitchbkk, Spotify: Badbitchbkk และตามอ่านไลฟ์สไตล์ Monstermom ได้ที่ เว็บไซต์: https://www.monstermom.net/, ig: monstermom_bkk