About
ART+CULTURE

Tattoo Tune

Badego Bodega คู่ซี้ที่พาศิลปะลายสักไปเล่นสนุกกับ ‘วงดนตรีอินดี้’ และ ‘ศาสตร์การจัดดอกไม้’

Beingthere Detour Be myguest FLAVOR Resound art+culture Insights Trends Business Insiders Balance Craftyard News
Read At ONCE
  • Badego Bodega นักจัดอีเวนต์ที่พางานสักไปผสมผสานกับศิลปะแขนงอื่น อย่างวงดนตรีและศาสตร์การจัดดอกไม้ จนเกิดอีเวนต์ ‘แฟลชเดย์’ ที่คนไทยยังไม่คุ้นชิน

ครั้งที่สองของ ONCE กับการมาคาเฟ่บ้านศิลปะย่านจรัญฯ When Life Gives You Lemons พื้นที่ที่พัดพาศิลปิน ช่างภาพ นักดูแลต้นไม้ นักจัดดอกไม้ ช่างสัก (และรอคอยศิลปินอีกหลายแขนงในอนาคต) มาปล่อยเสน่ห์งานศิลปะของตัวเองกันที่นี่

รอบนี้ ONCE ได้เข้าไปเติมความน่ารักให้เข้ากับเทศกาลแห่งความรักกับทีม Badego Bodega สองสาวอย่าง น่าน-อิสริยา กิจรัตนะกุล และ ปุยนุ่น-สุพิชญา อมรไพโรจน์ ที่พาช่างสักและนักจัดดอกไม้มาสร้างสีสันให้เดือนกุมภาพันธ์ด้วยอีเวนต์ “Tattoo X Floral: The Garden of Time” งานที่ฟลอลิสต์มาจัดดอกไม้ช่อสวยๆ ระหว่างที่ช่างสักก็แต่งแต้มสีสันบนร่างกายของนักชอบสักไปด้วย

“เดี๋ยวสักรอบนี้เสร็จ รอบต่อไปเป็นน่านไปสักด้วยค่ะ วันนี้รับบทเป็นลูกค้าค่ะ”

ทั้งน่านและปุยนุ่นเป็นช่างสัก ปุยนุ่นเพิ่งเริ่มเข้าวงการช่างสักได้ไม่นาน เรียกได้ว่าเป็น newbie ที่กำลังฝึกฝนฝีมือ ขณะที่น่านเป็นช่างสักมานาน และยังได้ลงเข็มในโปรเจกต์ก่อนหน้านี้ของ Badego Bodega ด้วย แต่อีเวนต์นี้ทั้งคู่รับบทเป็นผู้ดูแลภาพรวมของงาน ไม่ได้เข้าไปลงเข็มกับช่างสักคนอื่นๆ ซึ่งงานนี้น่านกลับชอบลายสักจากคอนเซปต์ Tattoo X Floral : The Garden of Time ที่ตัวเองจัดด้วยเหมือนกัน เธอจึงรับบทเป็นลูกค้าในครั้งนี้ด้วย

แม้ ONCE จะไม่ได้เป็นลูกค้าสักในรอบนี้ แต่แค่ได้ยืนมองผู้คนที่รักในศิลปะการสักมีความสุขกับลวดลายสีสันบนร่างกาย เราก็รับรู้ได้ถึงพลังงานดีๆ ราวกับได้ผ่อนคลายไปกับพวกเขาด้วย ONCE จึงฉุกคิดขึ้นมาว่า Badego Bodega อาจไม่ได้เป็นแค่นักจัดอีเวนต์สำหรับคนชอบสัก แต่กำลังเป็นผู้จูงมือคนในวงการสักมาเจอกัน จนกลายเป็นคอมมูนนิตีเล็กๆ ของคนรักงานสัก

ใครที่กำลังชั่งใจหรือมองหาลายสักที่ใช่กับตัวเอง ONCE พามาลองรู้จักกับ Badego Bodega ดูกันก่อน เผื่อว่าโปรเจกต์ในอนาคตของ Badego Bodega อาจมีคอนเซปต์ออกแบบลายสักที่ถูกใจเหล่าคนอยากสักอยู่ก็ได้นะ

Badego Bodega

ร้านช่วยโห เอ๊ย! ร้านโชห่วย

ปกติแล้วชั้น 2 ของบ้าน When Life Gives You Lemons มีห้องสำหรับทำงานสัก แต่รอบนี้กลับไม่ได้ใช้ห้องนั้น เพราะขนาดห้องเล็กเกินกว่าที่จะวางเตียงสัก 6 เตียงได้ เพราะอีเวนต์ Tattoo X Floral : The Garden of Time มัดรวมช่างสักกว่า 6 คน 6 สไตล์มาวาดลวดลายผ่านเข็มเล็กๆ ในพื้นที่ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของคนรักศิลปะ

ระหว่างยืนดูช่างสักและนักจัดดอกไม้อยู่ในโหมดสุนทรีย์กับงานสัก ONCE ก็ยืนคุยกับน่านและปุยนุ่นไปด้วย ซึ่ง ONCE แอบสงสัยอยู่แล้วว่า ชื่อทีมของทั้งคู่ตั้งมาจากคำผวนหรือเปล่านะ น่านหัวเราะก่อนจะตอบคำถามนั้น

“Badego Bodega เป็นไอเดียมาจากปุยนุ่น มาจากคำว่า Bodega ที่แปลว่า ร้านโชห่วยค่ะ แต่เราก็ผวนคำไปเลย เพราะคนไทยแปลว่าอิสระค่ะ”

เหตุผลที่ใช้คำว่าร้านโชห่วยเป็นเพราะทั้งน่านและปุยนุ่นอยากให้งานสักเข้าถึงได้ง่ายขึ้น Badego Bodega จึงอยากเป็นผู้ที่พางานสักไปจับคู่และผสมผสานกับงานศิลปะแขนงอื่น เผื่อให้คนเดินเข้ามาหางานสักได้โดยหลากหลายเหมือนกันร้านโชห่วยนั่นเอง

Badego Bodega

น่านอธิบายว่า Badego Bodega วางตัวเป็นนักจัดอีเวนต์ แม้ว่าจริงๆ แล้ว การทำงานของทั้งคู่เหมือนการทำงานกับเพื่อนๆ เพราะช่างสักที่ทั้งน่านและปุยนุ่นร่วมงานด้วย ล้วนเป็นเพื่อนช่างสักและคนในแวดวงเดียวกัน ชื่อ Badego Bodega จึงเสมือนเป็นจุดรวมตัวของคอมมูนนิตีผู้รักงานสักมากกว่า

“ความสนุกของการทำ Badego Bodega สำหรับเราสองคน น่านว่าคงเป็นการที่เราได้ใส่ไอเดียสนุกๆ เข้าไปในงานสัก และเอนจอยที่ได้คุยกับเพื่อนๆ ช่างสักด้วยกัน เพราะปกติช่างสักมักทำงานคนเดียว จะปรึกษาใครก็ไม่ได้ ปรึกษาลูกค้ายิ่งไม่ได้ไปกันใหญ่ อีเวนต์เลยทำให้ช่างสักได้หันไปคุยกับเพื่อนช่างสักไปด้วย เพราะปกติช่างสักทำงานแบบไม่ได้คุยกับใครเลยค่ะ”

Badego Bodega

ช่วงที่เรายืนคุยกับน่าน ปุยนุ่นก็วุ่นอยู่กับการดูแลความเรียบร้อยของช่างสักและนักจัดดอกไม้ ซึ่งช่างสักกำลังลงเข็มกันอย่างตั้งใจ ส่วนนักจัดดอกไม้เองก็บรรจงประดิษฐ์ช่อดอกเยอบีราสีแดงสด ดอกไม้ช่อสองตามคอนเซปต์ของงาน ทำให้ระหว่างยืนคุยกัน เราก็ได้เพลิดเพลินกับศิลปะการจัดดอกไม้ด้วย

“น่านและปุยนุ่นอยากให้งานสักเข้าถึงง่ายขึ้น เพราะงานสักที่ต่างประเทศคือสิ่งที่ผู้คนเข้าถึงง่ายค่ะ ส่วนใหญ่เขามีแฟลชเดย์กัน แต่ที่ไทยยังไม่มีเลย”

คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก “แฟลชเดย์” หรือ “Tattoo Flash Day” ซึ่งก็คืองานตั้งโต๊ะขายลายสักที่สักง่ายและไว (ตามความหมายของคำว่า Flash ที่แปลว่าเร็ว) เป็น Flash Tattoo ที่ช่างออกแบบมาแล้วเรียบร้อย ลูกค้าสามารถวอล์กอินเข้าไปเลือกและสักลายที่ชอบได้ทันที โดยไม่ต้องคัสตอมลายเองและไม่ต้องจองล่วงหน้า

Badego Bodega

น่านและปุยนุ่นจึงนำสไตล์อีเวนต์แฟลชเดย์ มาปรับให้เข้ากับธรรมชาติคนไทยที่อาจจะยังไม่ชินกับการคิดปุ๊บสักปั๊บเท่าไรนัก เพราะคนไทยมักใช้เวลาพิจารณาก่อนการสัก 1 ลายนานพอสมควร ไม่เหมือนกับต่างชาติที่สักกันเป็นปกติจนแทบไม่ต้องใช้เวลาคิดนาน

“รอบนี้เราอยากให้เป็นงานสเกลเล็กๆ แต่มีลายที่ใหญ่และละเอียดขึ้น เลยจำกัดให้มีช่างในงานนี้ 6 คน และมีการจองลายทางออนไลน์มาก่อน ซึ่งงานที่แล้วที่ทำกับ Whal & Dolph เราเคยทำแบบแฟลชเดย์ด้วย”

นอกจากการพาศิลปะการจัดดอกไม้มาผนวกเข้ากับการสักแล้ว ก่อนหน้านี้ Badego Bodega ยังได้พาดนตรีมาจับคู่กับงานสักด้วย ศิลปินวงแรกที่สองคู่หูพางานสักไปร่วมสนุกด้วยคือ LANDOKMAI ในงาน “11 Tattoo Artists x LANDOKMAI: All My Purple Feelings On My Body” ตอนนั้นตรงกับช่วงที่ลานดอกไม้เพิ่งปล่อยอัลบั้มแรกที่มีทั้งหมด 11 เพลงออกมาพอดี น่านและปุยนุ่นจึงจัดอีเวนต์ให้ 11 ช่างสัก มาออกแบบลายสักของ 11 เพลงในอัลบั้มนี้ นอกจากนี้ ยังมีการทำ Tattoo Sticker โดย 11 ช่างสัก และนำไปขายในคอนเสิร์ตของลานดอกไม้ด้วย

Badego Bodega

Badego Bodega

นอกจากลานดอกไม้ Badego Bodega ยังคอลแล็บกับศิลปิน Whal & Dolph อีกวงอินดี้ของไทยที่น่านและปุยนุ่นจัดเป็นแฟลชเดย์ที่ใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ กับอีเวนต์ 15 Tattoo Artists X WHAL & DOLPH : Sounds of Waves ที่พาช่างสัก 15 คน มาร่วมออกแบบลวดลายและสักสีสันที่สื่อถึงเอกลักษณ์ของวง Whal & Dolph บางลวดลายก็เป็นทะเลบ้าง วาฬบ้าง จนไปถึงลวดลายที่ตีความจากเพลง

“จริงๆ เรามีแพลนที่จะคอลแล็บกับวงดนตรีอีกนะคะ และคงต้องเป็นวงหรือศิลปินที่มีสไตล์ที่เข้ากับงานสัก อาจจะเป็นวงอินดี้เหมือนเดิม แต่จะเป็นวงไหนก็ต้องรอติดตามกันต่อ”

Badego Bodega

Badego Bodega

ศาสตร์การสัก x ศาสตร์การจัดดอกไม้

“นอกจากดนตรีแล้ว ดอกไม้ก็เป็นอีกสิ่งที่อยู่คู่กับชีวิตประจำวันของเรานะ และเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับงานสักด้วย เพราะดอกไม้ในงานสักแทบจะเป็นของคู่กันเลย พวกเราเลยนึกถึงการจัดดอกไม้ เพราะเป็นศิลปะอีกแขนงหนึ่งที่ต้องใช้ศาสตร์เหมือนกัน”

ปุยนุ่นเสริมน่านว่า “หลายคนชอบสักลายดอกไม้ประจำวันเกิดด้วย เราเลยนำการจัดดอกไม้มาคู่กับงานสักไปเลย”

Tattoo X Floral : The Garden of Time

จึงเป็นอีเวนต์ที่คนที่นอนสักก็ได้มองการจัดดอกไม้ไปด้วย และช่างสักเองก็ได้รู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้พูดคุยเพื่อนสักเตียงข้างๆ แถมยังได้ดูดอกไม้สวยๆ ตรงหน้า ทำให้งานสักของช่างแต่ละคนทวีคูณความสวยขึ้นไปอีก โดยช่างสักทั้ง 6 คนในงานนี้ ได้แก่ @anona.el, @deanxittt, @icehousetattoostudio, @rosemary.wood.studio, @sakiw_t และ @troll_the_tatt

แม้จะมีช่างสัก 6 คน แต่ช่างทุกคนล้วนออกแบบลายตาม 3 คอนเซปต์หลักของงาน โดยลายสักจะอิงตามการออกแบบช่อดอกไม้ ซึ่งเปรียบเปรยการงอกเงยของเมล็ดพันธุ์ดั่งการเติบโตและร่วงโรยของมนุษย์

การออกแบบช่อดอกไม้มีทั้งหมด 3 สเตจ โดยโชว์จัดดอกไม้ในงานนี้ ใช้ศาสตร์การจัดดอกไม้ญี่ปุ่น Ikebana (ดอกไม้มีชีวิต) ศาสตร์เก่าแก่ที่มีรากเหง้าจากการทำดอกไม้ไหว้พระของคนญี่ปุ่น สู่การจัดดอกไม้ที่สื่อสารถึงปรัชญาชีวิต ความกลมกลืนไปกับธรรมชาติ ความหมายของธรรมชาติที่เชื่อมโยงกับชีวิต ที่สุดท้ายแล้วทุกชีวิตบนโลก ล้วนเป็นไปตามกลไกของธรรมชาติ

Badego Bodega

ช่อแรก : The Seeded Glen – Growing Stage

ช่อที่สื่อถึงช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นจากความหวังและความฝัน ดั่งเมล็ดพันธุ์เล็กๆ ที่พร้อมเติบโต โดยช่อนี้ใช้ดอกดาเลียตูมและดอกดาเลียที่ใกล้บาน เพราะดอกดาเลียแฝงความหมายถึงความเข้มแข็งภายใน การเปลี่ยนแปลง ความคิดสร้างสรรค์ หรือความไม่มั่นคง แต่ขณะเดียวกันก็ยังสามารถรักษาความสง่างามภายใต้ความกดดันเอาไว้ได้ จึงเป็นดอกไม้ที่สื่อถึงการเผชิญสถานการณ์ที่ท้าทาย หรือหมายถึงการเดินทางได้ด้วย

ลายสักเกิดขึ้นในสเตจนี้จึงมีลักษณะเป็นก้อนกลมๆ เล็กๆ ดั่งเมล็ดพันธุ์ที่กำลังเตรียมเติบโต ซึ่งลายสักแต่ละลายก็มีสไตล์แตกต่างกันไปตามความถนัดของช่างสัก แต่จุดร่วมเดียวคือความหมายของลายสักที่เชื่อมโยงกับการจัดดอกไม้นั่นเอง

Badego Bodega

Badego Bodega

Badego Bodega

ช่อที่สอง : The Peak of Lide – Blooming Stage

สื่อถึงช่วงชีวิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและความสำเร็จ ดั่งดอกไม้ที่เบ่งบานสดใสถึงที่สุด โดยใช้ดอกเยอบีรา ดอกไม้ที่เป็นที่รู้จักกันดีว่า เยอบีราคือสัญลักษณ์ของความสดใส ความร่าเริง เป็นดอกไม้ที่สะท้อนสีสันของความมีชีวิตชีวาได้พอๆ กับดอกทานตะวันเลยก็ว่าได้ เพราะดอกเยอบีร่าคือดอกไม้ที่หันหน้าเข้าหาแสงแดดเสมอเหมือนกัน

ลายสักของสเตจนี้จะมีความสดใส ดอกไม้ทุกดอกของลายนี้ล้วนเบ่งบาน และลายนี้ถือเป็นลายที่ใหญ่ที่สุดในงานนี้ด้วยนะ

Badego Bodega

ช่อสุดท้าย : The Beauty of Decay – Falling Stage

ช่อที่พูดถึงช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต รสชาติของชีวิตอันเต็มไปด้วยบทเรียนละความทรงจำ ดั่งดอกไม้ที่แม้จะร่วงโรย แต่ยังคงความงามในตัวเอง กิ่งก้านที่เหลือไว้กลับดูเท่ แทนความรู้สึกเศร้า สเตจนี้จึงใช้ดอกสกาบีโอซาในการจัดช่อ แม้หลายคนจะรู้จักสกาบิโอซาในฐานะดอกไม้แห่งรักที่ไม่สมหวัง แต่แท้จริงแล้วสกาบิโอซายังหมายถึงความบริสุทธิ์ และความสงบนิ่ง เพราะเมื่อชีวิตโรยรา เรามักหยุดนิ่งและพิจารณาถึงช่วงชีวิตที่ผ่านมาอย่างเรียบง่าย

ในสเตจนี้รอยสักจึงมีความเป็นเส้นและกิ่งก้านเยอะกว่าสเตจอื่นๆ สีสันไม่จัดจ้าน แต่ยังคงความเท่ ดูมั่นคง และเข้มแข็งไม่แพ้กับสเตจไหนๆ เลย

Badego Bodega

Badego Bodega

โปรเจกต์สนุกๆ จาก Badego Bodega เสร็จสิ้นเรียบร้อยไปแล้วเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ ONCE อยากให้คนที่สนใจสักกับโปรเจกต์ Badego Bodega อดใจรอกันสักนิด เพราะไม่นานเกินรอ โปรเจกต์น่ารักๆ แบบนี้จะเกิดขึ้นอีกแน่นอน

และอีเวนต์รอบหน้า อาจไม่ใช่การนำดอกไม้มาผสมผสานร่วมกับงานสัก แต่อาจจะเป็นการพาวงอินดี้ไทยสักวงมาคอลแล็บกับช่างสัก ดังนั้น ใครที่รักวงอินดี้ไทยวงไหนอยู่ ลองแวะไปป้ายยากับสองสาว Badego Bodega ได้ เผื่อว่าน่านและปุยนุ่นจะพาทัพช่างสักมาร่วมกันออกแบบลายสักน่ารักๆ ให้กับศิลปินในดวงใจของทุกคนบ้างก็ได้ แล้วมาจอยแฟลชเดย์กับ Badego Bodega ไปด้วยกัน

Tags: