![](https://onceinlife.co/wp-content/uploads/2021/06/banner.jpg)
- บ้านนาต้นจั่นเป็นชุมชนเกษตรกรรม เปิดการท่องเที่ยวชุมชนโดยเริ่มจากโฮมสเตย์เพียงหนึ่งหลัง ก่อนชาวบ้านจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มโฮมสเตย์ บ้านนาต้นจั่น ปัจจุบันมีโฮมสเตย์กว่า 30 หลัง รองรับได้วันละไม่เกิน 200 คน
- กิจกรรมชุมชนมีหลากหลายทั้งทอผ้า ย้อมผ้าหมักโคลน ทำข้าวเปิ๊ป ทำตุ๊กตาบาร์โหน ปั่นจักรยานชมทุ่งนา นั่งรถอีแต๊ก และดูพระอาทิตย์ขึ้นบนภูเขา
- จุดเด่นของบ้านนาต้นจั่นต้องยกให้ความน่ารักของคนในชุมชน โฮมสเตย์ที่ได้มาตรฐาน และรสชาติอาหารอร่อย (มาก)
สายเที่ยวโลเคิลต้องรู้จักชื่อ ‘บ้านนาต้นจั่น’ ชุมชนน่ารักในอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ที่มีชื่อเสียงเรื่องโฮมสเตย์ กิจกรรม และการจัดการแบบมืออาชีพโดยชาวบ้านตัวจริง แต่เบื้องหลังชื่อนี้มีอะไรน่าสนใจ แง้มประตูบ้านไปรู้จักบ้านนาต้นจั่นกันเลย
![](https://onceinlife.co/wp-content/uploads/2021/06/นา-18-1.jpg)
โฮมสเตย์บ้านนาต้นจั่นไม่ใช่ที่พักเหมือนเกสต์เฮาส์ หรือรีสอร์ท หรือโรงแรม แต่เป็น ‘แหล่งภูมิปัญญา’ ที่เปิดประตูต้อนรับคนที่อยากเรียนรู้วิถีถิ่น เก็บเกี่ยวประสบการณ์ มากกว่ามาแค่ถ่ายรูปเช็กอินแล้วจากไป ซึ่งคำว่า โฮมสเตย์ จะเป็นตัวคัดเลือกนักท่องเที่ยวด้วยตัวมันเอง
บ้านนาต้นจั่นถือเป็นผู้บุกเบิกโฮมสเตย์ของเมืองไทย เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2547 จากบ้านเพียงหนึ่งหลัง จนถึงวันนี้มีโฮมสเตย์กว่า 30 หลัง และกลายเป็นต้นแบบให้หลายชุมชนเข้ามาศึกษาดูงานจากความสำเร็จในการบริหารจัดการชุมชนและนักท่องเที่ยว โดยที่ยังคงรักษาสิ่งที่สำคัญที่สุดไว้ คือ วิถีชีวิตดั้งเดิมอย่างที่เคยทำมา
ไม่มีใครเคยรู้จัก โฮมสเตย์
จุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดเริ่มขึ้น ณ บ้านอชิ โฮมสเตย์หลังแรกเป็นบ้านไม้แสนอบอุ่นของ ป้าเสงี่ยม แสวงลาภ หญิงเก่งที่ทำให้โฮมสเตย์จุดติดในชุมชน
ป้าเสงี่ยมเล่าว่า ไม่เคยรู้จักคำว่าโฮมสเตย์หรือการท่องเที่ยวชุมชนมาก่อน จนเมื่อปี 2542 ได้ไปอบรมตามโครงการต่างๆ ใช้เวลาเรียนรู้ถึง 5 ปี กว่าจะกลับมาเปิดโฮมสเตย์ที่บ้านตัวเอง โดยเริ่มต้นทำคนเดียว หลังเดียว ท่ามกลางความสงสัยของคนในชุมชนว่านักท่องเที่ยวจะมาเที่ยวอะไร เพราะที่นี่ไม่มีทะเล ไม่มีน้ำตก แต่ป้าเสงี่ยมก็เดินหน้าเปิด สรรหากิจกรรมจากสิ่งที่ทำ พาไปชมในสิ่งที่มี และสร้างเรื่องราวจากสิ่งที่เป็น
ป้าเสงี่ยมทำคนเดียวนาน 4 ปี จนคนในชุมชนเริ่มเห็นว่ากำลังทำอะไร และชุมชนได้รับอะไรจากสิ่งที่เธอทำ ทำให้ในปี 2551 มีโฮมสเตย์เพิ่มเป็น 16 หลัง และปัจจุบันมี 29 หลัง รับนักท่องเที่ยวไม่เกินวันละ 200 คน โดยมีระบบบริหารจัดการภายใต้ กลุ่มโฮมสเตย์บ้านนาต้นจั่น
ป้าเสงี่ยมเคยพูดว่า “เราไม่สามารถสร้างคนเดียวได้” และในที่สุด วันนี้ป้าเสงี่ยมก็ไม่ได้ทำเพียงลำพังแล้ว
ไม่มีใคร ไม่รู้จักโฮมสเตย์
ใครที่อยากไปเที่ยวบ้านนาต้นจั่นต้องติดต่อล่วงหน้า เพื่อให้ทางกลุ่มจัดสรรโฮมสเตย์เวียนตามคิว และจัดการนัดแนะชาวบ้านเรื่องกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวอยากทำ เหตุที่ต้องนัดเพราะคนในชุมชนไม่ได้มีอาชีพรับนักท่องเที่ยวแค่อย่างเดียว แต่ทุกคนยังทำอาชีพเดิมที่เคยทำมา ไม่ว่าจะเป็นทำนา ทำสวนผลไม้ ทอผ้า เป็นช่างไม้ ขายอาหาร ถ้าวันไหนมีนักท่องเที่ยวก็จะเปลี่ยนบทบาทเป็นไกด์ชุมชน หรือเป็นผู้บรรยายเวลามีคนมาหาที่บ้าน เรียกว่าเป็นหน้าที่เสริมที่สามารถสร้างรายได้เพิ่มในเวลาที่มีนักท่องเที่ยว
โปรแกรมทริป 2 วัน 1 คืน มีร่างไว้เป็นพื้นฐาน โดยวันแรกจะเริ่มตอนบ่ายแก่ๆ ประมาณบ่าย 3 โมง จะพานักท่องเที่ยวเข้าโฮมสเตย์ จากนั้นพาปั่นจักรยานไปยังสะพานเชื่อมทุ่ง สะพานไม้ไผ่ทอดยาวบนทุ่งนาเพื่อรอชมพระอาทิตย์ตก และกลับมารับประทานอาหารเย็นเมนูท้องถิ่นแบบขันโตกที่บ้าน
![](https://onceinlife.co/wp-content/uploads/2021/06/นา-13.jpg)
ตรงมื้อเย็นนี้ต้องเน้นไฮไลต์ เพราะอาหารเป็นหนึ่งอย่างที่ทุกคนต่างพูดถึง เพราะนอกจากหน้าตาที่ดูน่ากิน หรือการนำเสนออาหารที่ใช้กระบอกไม้ไผ่เป็นภาชนะ เรื่องรสชาตินั้นต้องยกให้ที่หนึ่งตราตรึงในความทรงจำ ซึ่งเมนูจะแตกต่างไปตามวัตถุดิบในแต่ละฤดูกาล เช่น แกงเห็ดเผาะที่จะได้ชิมในหน้าฝน ทุเรียนรสนวลๆ ที่จะได้ชิมในหน้าร้อน หรือเมนูท้องถิ่นอย่าง น้ำพริกซอกไข่ ที่เป็นเมนูประจำขันโตกจะได้ชิมทุกฤดู
![](https://onceinlife.co/wp-content/uploads/2021/06/นา-14.jpg)
จากนั้นวันต่อมา เริ่มต้นวันดีๆ ด้วยการตักบาตรทำบุญแต่เช้าตรู่ รับประทานอาหารเช้า ปั่นจักรยานชมวิถีชีวิตการทอผ้าใต้ถุนเรือน เยือนบ้านตาวงศ์เพื่อชมการทำตุ๊กตาบาร์โหน ชมการทำผ้าหมักโคลนงานหัตถกรรมขึ้นชื่อของชุมชน และปิดท้ายด้วยการลองทำข้าวเปิ๊ป อาหารถิ่นที่ถ้ามาบ้านนาต้นจั่นแล้วต้องชิม
![](https://onceinlife.co/wp-content/uploads/2021/06/นา-16.jpg)
นอกเหนือจากนี้ ยังมีทริปพาชมแสงแรกบนจุดชมวิวห้วยต้นไฮ ต้องนั่งรถไปจากหมู่บ้านประมาณ 3.5 กม. ต่อด้วยเดินเท้าขึ้นเขาอีก 850 เมตร พระอาทิตย์ขึ้นบนนั้นสวยงามทุกวัน และจะสวยยิ่งขึ้นในช่วงปลายฝนเรื่อยไปจนถึงหน้าหนาว จะมองเห็นทะเลหมอกสุดอลังการ ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์สำหรับสายลุยที่จะได้ชมวิวธรรมชาติ พร้อมจิบกาแฟอุ่นๆ กลางอากาศหนาว
โฮมสเตย์ทุกหลังจะอยู่ใต้ชายคาเดียวกันหรืออยู่ในบริเวณเดียวกับเจ้าบ้าน และทุกกิจกรรมทางเจ้าบ้านจะเป็นคนพาไป ให้ความรู้สึกเหมือนเวลาไปเที่ยวบ้านญาติผู้ใหญ่ อบอุ่น เชื่อใจ เหมือนได้กลับบ้าน นอกจากนี้ ทางกลุ่มโฮมสเตย์ก็มีกฎเกณฑ์บางอย่าง เช่น หนึ่งบ้านรับได้ครั้งละหนึ่งการจอง แม้ว่าการจองนั้นจะมีคนเข้าพักแค่ 2 คน แต่บ้านรับได้ 10 คน ก็จะไม่เปิดให้คนอื่นพัก หรือกิจกรรมนั่งรถอีแต๊กเที่ยวหมู่บ้านก็จะรับครั้งละ 1 คณะ ไม่ให้ทับซ้อนกัน
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมบ้านนาต้นจั่นจึงถูกพูดถึงมากเรื่องการบริหารจัดการแบบมืออาชีพ นั่นเป็นเพราะสามารถทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกเหมือนเป็นคนในครอบครัว เหมือนเป็นหนึ่งในสมาชิกหมู่บ้าน ได้สัมผัสชุมชนแบบเต็มที่ และในขณะเดียวกันก็สามารถรักษาระยะห่างจากนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ได้ด้วย
โฮมสเตย์ ที่ไม่มีใครไม่รู้จัก
จากชุมชนที่ไม่มีใครรู้จัก กลายเป็นว่าวันนี้ทุกคนรู้จัก โฮมสเตย์ บ้านนาต้นจั่น และกลายเป็นชุมชนต้นแบบให้ที่อื่นๆ เข้ามาศึกษาดูงาน และเรียนรู้ความสำเร็จของการทำท่องเที่ยวชุมชนที่มีคำว่า ‘อย่างยั่งยืน’ ต่อท้าย
พี่แหม่ม – เกตุทิพย์ วุฒิสาร ลูกสาวป้าเสงี่ยม ผู้สืบทอดโฮมสเตย์บ้านอชิ และผู้ดูแลด้านการตลาดของกลุ่มโฮมสเตย์ เล่าว่า หัวใจสำคัญของการทำท่องเที่ยวชุมชน คือ ความจริงใจ และจริงจัง ต้องทำด้วยหัวใจเหมือนวันแรก และตั้งใจทำอย่างจริงจังเหมือนที่แม่ของเธอบุกเบิกมา
“เราไม่ได้มองการท่องเที่ยวเป็นความสำเร็จ แต่เราอยากให้มันคงอยู่เพื่อเป็นตัวช่วยในการพัฒนาชุมชน และเป็นตัวเชื่อมให้คนในชุมชนรักใคร่สามัคคีกัน”
การท่องเที่ยวนำมาซึ่งรายได้ก็จริง แต่สำหรับคนบ้านนาต้นจั่นพวกเขามองเห็นอีกด้าน คือด้านที่เห็นรุ่นลูกรุ่นหลานไม่อยากออกไปทำงานนอกชุมชน ด้านที่ผู้เฒ่าผู้แก่ในบ้านมีความสุขเวลามีนักท่องเที่ยวมาพัก และด้านที่คนในชุมชนมีความภาคภูมิใจในอาชีพของตัวเองเวลาได้แบ่งปันความรู้ ภูมิปัญญา และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคนหน้าใหม่ๆ ที่ไม่ได้มองเป็นคนแปลกหน้า
![](https://onceinlife.co/wp-content/uploads/2021/06/นา-8.jpg)
เป็นเวลา 17 ปีจากก้าวแรกถึงวันนี้ บ้านนาต้นจั่นยังคงรักษาความเป็นของแท้ดั้งเดิม ไม่เปลี่ยนเป็นการแสดงเสมือนดั้งเดิม ยังคงมองผู้มาเยือนเป็นเพื่อน ลูก หลาน ไม่ใช่ลูกค้า และความสัมพันธ์ระหว่างคนในชุมชนยังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่ใช่เครือข่ายธุรกิจที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน
พี่แหม่มบอกว่า เธอไม่ได้มองการท่องเที่ยวเป็นความสำเร็จ แต่ความสำเร็จของการท่องเที่ยวชุมชนได้เกิดขึ้นแล้ว และคงหน้าตาประมาณนี้
เฟซบุ๊ก โฮมสเตย์บ้านนาต้นจั่น จังหวัดสุโขทัย
โทร. 08-8495-7738
โฮมสเตย์ 1 คืน รวมอาหารเย็นและอาหารเช้า
1 ท่าน ท่านละ 900 บาท
2-9 ท่าน ท่านละ 650 บาท
10 ท่านขึ้นไป ท่านละ 600 บาท
ชาวต่างชาติ ท่านละ 700 บาท
Note to Know
บ้านนาต้นจั่นสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดปี หน้าร้อนจะได้ชิมผลไม้สดๆ จากสวน หน้าฝนจะเห็นทุ่งนาสีเขียวขจี รับความชุ่มฉ่ำ และหน้าหนาวจะได้สัมผัสกับลมหนาว ทุ่งนาสีทอง และทะเลหมอกบนจุดชมวิว