First Class Job
พิริยาสินี จุฬาสุวรรณ บัตเลอร์หญิงไทยกับงานที่ต้อง Good Enough for the Queen
- พูดคุยกับ “เจเจ” พิริยาสินี จุฬาสุวรรณ บัตเลอร์มืออาชีพ และผู้ก่อตั้งสถาบัน First Class Butler หญิงไทยที่ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าลูกเรือสายการบินระดับโลก เพื่อไปเรียนต่อเป็นบัตเลอร์
- เปิดโลกอาชีพบัตเลอร์ ที่ไม่ได้มีเฉพาะบัตเลอร์โรงแรม แต่ยังรวมถึง House Manager ผู้ช่วยส่วนตัว ผู้ช่วยผู้บริหาร และยังแทรกซึมอยู่ในงานบริการอีกมากมาย
- ถอดบทเรียนการทำธุรกิจครั้งแรกในชีวิต และการปรับตัวจากวิกฤตโควิด-19 โดยใช้ทักษะบัตเลอร์เข้าสู้
ในโรงแรมหลายดาวมักมีบริการพิเศษที่เรียกว่า “บัตเลอร์” (Butler) หรือผู้ช่วยส่วนตัวสำหรับดูแลแขกเป็นรายบุคคล ตั้งแต่เรื่องเสื้อผ้า อาหาร ไปจนถึงเรื่องยิบย่อยเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดขณะเข้าพัก คำนี้จึงกลายเป็นตัวแทนของความพิเศษ ความหรูหรา และเป็นขั้นกว่าของมาตรฐานทั่วไป
แต่หลังจากได้พูดคุยกับ “เจเจ” พิริยาสินี จุฬาสุวรรณ บัตเลอร์มืออาชีพ และผู้ก่อตั้งสถาบัน First Class Butler เหมือนได้ทลายกรอบแบบที่เคยรู้มา เธอบอกว่า ทักษะบัตเลอร์แทรกซึมอยู่ในหลายสายงานทั้งคนขับรถ แม่บ้าน ไปจนถึงพนักงานเสิร์ฟ เกริ่นมาแค่นี้ก็อยากรู้ต่อแล้วว่า บัตเลอร์ทำงานอะไร และทำไมเธอถึงอยากทำงานบัตเลอร์
ความท้าทายใหม่เกิดขึ้นในวัย 30 ปลายๆ
“ลาออกทำไม?” เป็นคำถามที่เจเจต้องตอบนับครั้งไม่ถ้วน เมื่อตัดสินใจลาออกจากการเป็นหัวหน้าลูกเรือในวัย 30 ปลายๆ เพื่อไปเรียนต่อด้านบัตเลอร์
เจเจจบปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เริ่มทำงานเป็นพนักงานภาคพื้น สายการบินไทย ก่อนจะได้เป็นแอร์โฮสเตส สายการบินเอมิเรตส์ และขยับสู่ตำแหน่งหัวหน้าลูกเรือ คนอื่นอาจมองว่าเธอมีชีวิตสวยหรู การงานมั่นคง แต่สำหรับเธอ ยอดเขาที่เธออยู่มานานกว่า 15 ปี คือ จุดอิ่มตัวที่ผลักดันให้มองหาภูเขาลูกใหม่
“หลายคนบอกว่า ถ้าลาออกไปเราไม่มีทางที่จะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้ แต่เราอยากตั้งคำถามกับตัวเองอีกอย่างว่า ถ้าลาออกไปแล้วมีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้ล่ะ เราเลยเริ่มมองหาทาง มองหาโอกาส มองไปกว้างๆ ว่าตลาดยังมีอะไร โดยใช้ความรู้ในสายงานบริการที่ทำมานาน แทนที่จะเริ่มจากศูนย์ก็ต่อยอดจากสิ่งที่รักและชำนาญ เราเลยมองไปที่อาชีพบัตเลอร์” เจเจกล่าว
Career ไม่ใช่ Instant Noodles
เธอตัดสินใจลาออกและไปเรียนต่อที่สถาบัน British Butler Academy กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ประเทศที่โด่งดังเรื่องงานบัตเลอร์มาตั้งแต่โบร่ำโบราณ ที่นั่นทำให้เธอรู้จัก Private Service ซึ่งเป็นโลกอีกใบที่เธอหลงรัก “เพราะเราชอบในความ Personalization ชอบความประณีต ชอบใช้เวลาดูแลคนหนึ่งคน เลยกลายเป็นว่า เราค้นพบทางของเรา” เธอว่าแบบนั้น
เมื่อเรียนจบ เจเจทำงานเป็นลูกเรือไพรเวทเจ็ต และเป็นบัตเลอร์ในบ้านมหาเศรษฐีแถบตะวันออกกลางและในเอเชีย เธอเล่าเรื่องการทำงานให้ฟังว่า ตอนเป็นแอร์โฮสเตสก็ดูแลผู้โดยสาร VVIP เป็นปกติ แต่งาน Private Service มีรูปแบบการบริหารจัดการ มีธรรมชาติของงานที่แตกต่างออกไป คือ ต้องทำงานกับทีมที่เล็กลง ไม่ได้ดูแลลูกค้าวันละหลักร้อยหลักพันเหมือนงานสายการบิน แต่เป็นการดูแลเฉพาะบางครอบครัว ทำให้ต้องให้เวลากับลูกค้ามากขึ้น ทำความรู้จักกันในเชิงลึกมากขึ้น คำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของลูกค้ามากขึ้น ในขณะเดียวกันก็มาพร้อมกับความคาดหวังที่สูงขึ้น รวมถึงต้องกล้าตัดสินใจ และต้องกล้ายกมือรับผิดชอบกับผลลัพธ์ที่ตามมา
ถ้าให้เห็นภาพชัด ให้นึกถึง อัลเฟรด เพนนีเวิร์ท พ่อบ้านผู้ดูแลตระกูลเวย์นในเรื่อง แบทแมน นั่นแหละคือ บัตเลอร์ ผู้ดูแลบ้านและเป็นคนที่เจ้าของบ้านไว้ใจที่สุด สถานที่ทำงานของบัตเลอร์จึงไม่ใช่ออฟฟิศหรือบ้านทั่วไป แต่คือ วัง หรืออาณาบริเวณที่ประกอบไปด้วย คฤหาสน์หลายหลัง สต๊าฟหลายสิบคน โดยเธอจะเป็นผู้ดูแลจัดการทุกสิ่งทุกอย่างในบ้าน ทั้งงานบ้าน บริหารทรัพยากรบุคคล รวมไปถึงไลฟ์สไตล์ของเจ้าของ
“Career ไม่ใช่ Instant Noodles ที่แค่เติมน้ำร้อนแล้วเสร็จเลย พอได้มาทำงานจริงๆ ทำให้เข้าใจว่า กว่าเราจะทำงานที่ Good Enough for the Queen ได้ มันไม่ง่ายอย่างที่คิด หัวใจสำคัญของอาชีพนี้ คือ Attitude เราต้องมีทัศนคติในการทำงานให้ดีที่สุด
“ถ้าคิดว่ามาเรียนบัตเลอร์เพื่อจะได้ทำงานในสถานที่หรูหรา แต่งตัวสวย และได้เงินเดือนสูงๆ แบบนี้เป็นทัศนคติที่น่ากลัวมาก เพราะหมายความว่า คุณยังมองไม่ทะลุเปลือก
“จากประสบการณ์ที่ดูแลครอบครัวมหาเศรษฐีมาหลายครอบครัว แต่ละแห่งมีขั้นตอนการสัมภาษณ์ที่เข้มข้น กว่าจะผ่านแต่ละด่านไม่ใช่เรื่องง่าย เนื้องานที่ทำมีความรับผิดชอบสูง ดังนั้นถึงเปลือกสวยแต่แก่นปวกเปียกก็จะไม่ได้ไปต่อ และการประสบความสำเร็จในสายงานนี้ได้ ต้องใช้เวลาและใช้ฝีมือเป็นตัววัดเท่านั้น”
ฟังดูแล้วอาชีพนี้อาจจะไม่ใช่อาชีพที่ทุกคนสามารถทำได้ แต่เธอบอกว่า ทุกคนสามารถเรียนรู้ทักษะของบัตเลอร์ได้ ซึ่งเป็นทักษะที่สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายโดยเฉพาะงานบริการ และยังเป็นทักษะที่น่าสนใจสำหรับคนยุคนี้
การทำงานแบบ Above Average จะเป็นเรื่องปกติของ New Normal
เจเจเล่าว่า ไม่ว่าจะเป็นงานเลขาฯ คนขับรถ แม่บ้าน คนดูแลผู้สูงอายุ พนักงานเสิร์ฟ ไปจนถึงทีมคอลเซ็นเตอร์ ล้วนเป็นงานที่มีทักษะและ Mind-set ของบัตเลอร์แฝงอยู่ สิ่งที่ต่างคือ Positioning ของงาน ความรู้ ความช่ำชอง ความเข้าใจ และมาตรฐานในการส่งมอบผลงาน ซึ่งมาตรฐานการทำงานของบัตเลอร์คือ ระดับ Above Average และด้วยมาตรฐานระดับนี้เองที่จะทำให้คุณยืนหนึ่งในสายงาน
เธอกล่าวว่า บัตเลอร์เป็นทักษะที่น่าสนใจสำหรับคนยุคนี้เพราะ 3 เหตุผล หนึ่งคือ คนที่ทำงานด้วยมาตรฐาน Above Average จะอยู่รอดและกลายเป็นเรื่องปกติของยุค New Normal เพราะองค์กรจะคัดเลือกคนที่ทำได้มากกว่า มีทักษะมากกว่า และยิ่งในยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทในการทำงาน มาตรฐาน Above Average จึงเป็นทักษะและตัวชี้วัดสำคัญ
สองคือ ยุคนี้เป็นยุคของการมีรายได้หลายทาง ทักษะบัตเลอร์จะเป็นความรู้ใหม่ที่นำไปประยุกต์ใช้ได้หลายอย่าง เช่น เป็นที่ปรึกษาส่วนบุคคล จัดงานเลี้ยง หรือจัดอีเวนต์ กลายเป็นทักษะเพิ่มเติมที่สามารถสร้างงานใหม่ๆ ควบคู่กันไป
และสาม ยุคนี้เป็นยุคของ Experience Delivery ที่ธุรกิจไม่ได้ขายแค่สินค้า แต่ขายประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับลูกค้า ซึ่งทักษะของบัตเลอร์จะทำให้คุณแข็งแกร่งในเรื่องนี้ อย่างที่เธอบอกว่า นี่คือยุคทองของ Private service วันนี้โอกาสในสายงานบริการส่วนบุคคลเพิ่มมากขึ้น บัตเลอร์กลายเป็นสัญลักษณ์ของบริการระดับโลก ไม่ใช่แค่โรงแรม แต่มีอยู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สายการบิน โรงพยาบาล และศูนย์สุขภาพต่างๆ ก็มีบัตเลอร์
“งานบัตเลอร์สามารถทำเป็นอาชีพเสริมกับงานหลัก เพราะมันเป็นทักษะติดตัว และไม่ได้จำกัดเฉพาะอาชีพใดอาชีพหนึ่ง ถ้าถามว่า ยุคโควิดหรือหลังโควิดนี้ บัตเลอร์จะตกงานไหม คาดว่ามีสองสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับคนในสายงานบริการ
“คือถ้าเราทำผลงานธรรมดาไม่โดดเด่นอะไร เป็นคนที่ทำงานเหมือนเครื่องจักร จบไปวันๆ แน่นอนว่าปัญญาประดิษฐ์ที่ทำงานได้ดีเสมือนคนก็จะเข้ามาทดแทนเราได้ง่าย แต่อีกแบบคือ ถ้าเราเป็นคนที่มีผลงานระดับ Above average ทำงานส่งมอบคุณค่าอย่างแตกต่างเห็นได้ชัด เราก็จะเป็นตัวเลือกที่บริษัทอยากจะรักษาไว้ในทีม” เธอกล่าว
Fail Fast, Fail Forward ถึงล้มก็ล้มไปข้างหน้า
เมื่อเจเจก้าวถึงจุดการเป็นบัตเลอร์มืออาชีพ เธอก็เริ่มพิชิตยอดเขาลูกใหม่กับการเปิดสถาบัน First Class Butler แต่การทำธุรกิจของตัวเองครั้งแรกในชีวิตไม่ง่ายเลย
เธอเล่าว่า ช่วงแรกของการทำธุรกิจคือ ความกดดัน เพราะทั้งชีวิตเธอเป็นลูกจ้างบริษัทมาตลอด ดังนั้นการเป็นเจ้าของธุรกิจคือสิ่งใหม่ ยิ่งเธอไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้อะไร ทำให้ยิ่งทำก็ยิ่งพัง ยิ่งเร่งก็ยิ่งเครียด เธอจึงต้องศึกษาเพิ่มเติม สอบถามผู้รู้ เรียนรู้จากลูกค้า เรียกว่า Learning by failing จนในที่สุดก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง
แต่ต้องกลับมาเซอีกรอบจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาด สถานการณ์ไม่คาดฝันนี้ส่งผลกระทบอย่างหนัก ทำให้จัดเทรนนิ่งไม่ได้ จัดเวิร์คช็อปไม่ได้ และโอกาสดูแลลูกค้าต่างชาติน้อยลง กลายเป็นบทเรียนครั้งสำคัญให้เรียนรู้ว่า ปี 2564 จะทำธุรกิจแบบเดิมไม่ได้อีกต่อไป ทำให้เธอต้องปรับโมเดลธุรกิจ ปรับหลักสูตรเป็นคอร์สออนไลน์ ซึ่งทำให้ต้นทุนลดลง สามารถสอนผู้เรียนได้ครั้งละมากขึ้น และยังเป็นโอกาสในการขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศด้วย
“ปีนี้เราโฟกัสที่ว่า เราจะช่วยให้ลูกค้ามีความสุขท่ามกลางวิกฤตนี้ได้ยังไง จะช่วยให้นักเรียนของเรามีงานทำมากขึ้น หรือช่วยให้เขาได้เรียน ได้พัฒนาตัวเองในช่วงนี้ได้ยังไงอีกบ้าง ซึ่งอะไรที่ทำได้ เราจะทำทันที จะไม่รอให้สถานการณ์ดีก่อนแล้วค่อยทำ
“เพราะเราเชื่อว่า Vision และ Values ของธุรกิจต้องใช้ได้จริงแม้ในวันที่ยากที่สุด และธุรกิจของเรามันเกิดมาเพื่อแก้จุดเจ็บให้ลูกค้า หากในวันที่ลูกค้าเจ็บที่สุด แล้วเราช่วยไม่ได้ ก็ต้องหยุดคิดแล้วล่ะว่าเรากำลังทำอะไรอยู่กันแน่”
อย่างไรก็ตาม ระยะเวลา 3 ปีจากวันแรกถึงวันนี้ สถาบันของเธอกลายเป็นแบรนด์แนะนำให้กับ Luxury Residence ระดับโลกต่างๆ ในเมืองไทย เธอเรียกว่า เป็นการเติบโตแบบ Fail Fast, Fail Forward ล้มเพื่อลุกเดินหน้าต่อไปอย่างแข็งแกร่ง และชอบที่เธอบอกว่า เธอผ่านห้วงเวลาที่ยากลำบากมาได้ด้วยทัศนคติ “Can do Attitude” ของบัตเลอร์ ทำให้เชื่อแล้วว่า ความเป็นบัตเลอร์แทรกซึมอยู่ทุกที่ แม้กระทั่งการใช้ชีวิต
Note to know
First Class Butler ให้บริการ Butler Service & Lifestyle managemnet packages และจัดอบรมคอร์ส Butler Service Traiing ทั้งแบบออนไลน์ และออฟไลน์ สำหรับบุคคลทั่วไปและองค์กรที่ต้องการจัดอบรมงานบริการระดับพรีเมี่ยม มีตั้งแต่ Private Clubs, Luxury Retails ไปจนถึง Omni Channel
สถาบัน First Class Butler
ดูรายละเอียดได้จาก เว็บไซต์
เฟซบุ๊ก First Class Butler
โทร. 08-1659-5595
Line @firstclass