Classic Cruise
ลอยล่อง ร่องรอย หรูหรา ล่องเรือโบราณ สัมผัสรอยอดีตแบบ New Luxury
- ใครจะคิดว่าเรือบรรทุกข้าวสารในอดีต จะกลายมาเป็นเรือสำราญสุดหรูพานักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ล่องแม่น้ำเจ้าพระยา แถมยังเป็นเรือที่บ่งบอกถึงความเป็นไทยและเป็นตัวแทนของประวัติศาสตร์สมัยการค้าทางสายน้ำเจริญรุ่งเรือง
- เมื่อความเก่ากลายเป็นความหรูหรา หลายธุรกิจทั้งโรงแรม ร้านอาหาร และการท่องเที่ยวจึงหยิบยกขึ้นมาเป็นจุดขาย ดึงดูดคนไทยกระเป๋าหนักที่มองหาประสบการณ์สุดพิเศษมากกว่าความหรูหราฟู่ฟ่าแบบเดิมๆ
อะไรที่ขึ้นชื่อว่า ‘เก่า’ มักมีแรงดึงดูด อย่างเวลาเดินผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าเก่าจะรู้สึกว่าอร่อยขึ้นมาอัตโนมัติ หรือพอได้ยินคำว่าย่านเก่าก็อยากพุ่งตัวไป ก่อนเห็นภาพจริงด้วยซ้ำ นั่นอาจเป็นเพราะเราเชื่อในภูมิปัญญาของคนโบราณ เชื่อในระยะเวลาที่สั่งสมมานาน และเห็นคุณค่าของความเก่าซึ่งอาจสูญหายไป
จึงไม่แปลกที่หลายธุรกิจจะหยิบยกความเก่าและความโบราณขึ้นมาเป็นจุดขาย อย่างในวงการอาหารและการท่องเที่ยวก็ไม่พลาดที่จะนำเสน่ห์อันน่าหลงใหลของ ‘เรือโบราณ’ มาเป็นแม่เหล็กตัวใหม่ ทั้งการรีโนเวตเรือโบราณให้กลับมามีชีวิตใหม่ และการต่อเรือขึ้นใหม่ตามแบบโบราณ
สุริยันจันทรา : ชมวิวจิบไวน์บนเรือกระแชง
เมืองกรุงเก่าพระนครศรีอยุธยามีสภาพภูมิศาสตร์เป็น ‘อู่ข้าวอู่น้ำ’ อย่างแท้จริง เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทุ่งนา ไม่มีภูเขา และมีแม่น้ำสำคัญหลายสาย คือ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย แม่น้ำลพบุรี และแม่น้ำป่าสัก แม่น้ำทั้ง 4 สายเป็นเส้นทางคมนาคมเหมาะแก่การค้าขายกับเมืองต่างๆ จึงไม่แปลกที่อยุธยาจะเคยเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภาคกลาง
แต่กาลเวลาก็ทำให้การสัญจรทางน้ำเงียบเหงาผกผันกับความคึกคักบนถนน เรือถูกปลดระวาง แม่น้ำเป็นเมืองขึ้นของผักตบชวา เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเริ่มมีการฟื้นชีวิตให้สายน้ำ อย่าง ร้านอาหารสุริยันจันทรา ร้านอาหารริมแม่น้ำน้อยที่นอกจากจะเปลี่ยนโรงสีไฟร้าง (โรงสีข้าวด้วยระบบไอน้ำ) ให้เป็นที่ตั้งของร้าน ยังเปลี่ยนเรือกระแชงเก่าให้เป็นเรือหรู พาลูกค้าจิบไวน์ ชิมขนมไทย ชมแม่น้ำน้อยที่บัดนี้เปลี่ยนจากเส้นทางการค้าเป็นเส้นทางพักผ่อนอันเงียบสงบเป็นที่เรียบร้อย
ทัพเรือของสุริยันจันทรามีทั้งเรือกระแชงและเรือเอี้ยมจุ๊น อายุราวๆ 130 ปี ตกแต่งแนวไทยร่วมสมัย ใส่เฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจ และแชนเดอเลียร์วิบวับ ให้บริการแบบเหมาลำ รองรับได้ 6-25 คนแล้วแต่ขนาดเรือ จะพาล่องไปตามแม่น้ำน้อยและแวะไหว้พระริมแม่น้ำ ให้บริการวันละ 2 รอบคือ รอบเช้า 09.00-12.00 น. และและรอบบ่าย 14.00-17.00 น. โดยบนเรือจะมีบริการเครื่องดื่มและของว่าง จากนั้นเมื่อเรือกลับเข้าท่าจะปิดท้ายด้วยสำรับอาหารไทยที่ร้านอาหารแบบจัดเต็ม
สุริยันจันทรา
โทร. 06-2852-8883
เฟซบุ๊ก SuriyanChandra AT Ayutthaya
สิริมหรรณพ : เรือใบสามเสา น้องใหม่แห่งเจ้าพระยา
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย แม่น้ำเจ้าพระยายังคงเป็นแม่น้ำสายสำคัญของชาวบางกอก แม้จะไม่ผูกพันเหมือนคนรุ่นก่อน แต่เรายังโหยหา และทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยาก็ยังคงเป็นทำเลทองของบรรดาโรงแรมและห้างสรรพสินค้า อย่าง เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ก็เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คริมเจ้าพระยาที่คนนึกถึง
ล่าสุดเมื่อกลางเดือนตุลาคม 2563 เอเชียทีคได้เปิดตัว ‘เรือสิริมหรรณพ’ เรือที่สร้างขึ้นใหม่ตามต้นแบบเรือใบสามเสา ตามประวัติศาสตร์เล่าว่า เรือใบสามเสาเป็นเรือนำขบวนเสด็จประพาสยุโรปในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อไปเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศในยุโรป อันเป็นยุคเริ่มต้นการค้ากับชาติตะวันตก และนับเป็นเรือประวัติศาสตร์ที่นำพาความรุ่งเรืองจากฝั่งตะวันตกมาสู่สยาม
เรือสิริมหรรณพมีความยาวประมาณ 52 เมตร ใช้งบลงทุนสร้างมากกว่า 100 ล้านบาท ด้านบนเรือเปิดเป็นร้านอาหารและบาร์ บริหารโดย โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค คาดว่าจะดึงดูดลูกค้าระดับบนที่ต้องการเปิดประสบการณ์นั่งรับประทานอาหารบนเรือโบราณเสมือนจริงพร้อมบริการแบบโรงแรมห้าดาว ซึ่งเรือจะทอดสมออยู่ที่ท่าเรือเอเชียทีคแบบถาวร
ขอบคุณภาพจาก สิริมหรรณพ โดย Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park
โทร. 02-108-4488
เฟซบุ๊ก Asiatique The Riverfront (เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์)
ลอย ริเวอร์ สอง : อดีตเรือบรรทุกข้าวสู่เรือสำราญ
เรือบรรทุกข้าวโบราณอายุกว่าร้อยปีถูกปรับโฉมใหม่เป็นเรือสำราญหรูในชื่อ ลอย ริเวอร์ สอง (Loy River Song) ภายใต้การบริหารของ ลอย เพลา โวยาจส์ (Loy Pela Voyages) ผู้ให้บริการเรือสำราญในแม่น้ำเจ้าพระยา
เรือได้ถูกออกแบบแบ่งเป็น 4 ห้องนอน ขนาด 27-36 ตร.ม. ใหญ่พอๆ กับห้องพักในโรงแรม ทุกห้องมีเครื่องปรับอากาศและห้องน้ำในตัว ส่วนด้านบนมีพื้นที่ส่วนกลางสำหรับรับประทานอาหารและพักผ่อน พร้อมบริการบัตเลอร์ ไกด์ และเชฟที่จะปรุงอาหารสดใหม่ทุกมื้อ
ส่วนการตกแต่ง หรูหราด้วยของประดับโบราณและผ้าไหมทอมือ เช่นเดียวกับเมนูอาหารทั้งอาหารไทยชาววัง อาหารตะวันตก เมนูกุ้งมังกรจากแคนาดา หอยนางรม คาเวียร์ รวมถึงเครื่องดื่มอย่างชุดน้ำชายามบ่าย ไวน์ และค็อกเทล
ทั้งหมดนี้นำเสนอขายเป็นแพ็กเกจท่องเที่ยวตั้งแต่ 2 วัน 1 คืน ไปจนถึง 4 วัน 3 คืน พาล่องในแม่น้ำเจ้าพระยา เดินทางจากกรุงเทพฯ สู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยระหว่างทางจะหยุดเที่ยวตามแลนด์มาร์คสำคัญ สนนราคาแพ็กเกจยอดนิยม 3 วัน 2 คืน เริ่มต้นที่ 208,250++ บาทต่อห้อง รวมอาหารตลอดทริป
หรือถ้าไม่อยากค้างคืนก็มีเป็นแพ็กเกจเบาๆ ล่องเรือรับประทานอาหารชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงเวลา 17.00-22.00 น. ราคาคนละ 6,900++ บาท รวมอาหารและเครื่องดื่ม ขึ้นเรือที่ท่าเรือโรงแรมอนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ
Loy River Song
โทร. 02-476-0022
อีเมล reservations@loypelavoyages.com
เฟซบุ๊ก Loy Pela Voyages
เรด บารอน สมุย : เรือสำเภาสุดสำราญ
น่าสงสัยว่าทำไมเรือโบราณต้องมาพร้อมความหรูหรา พยายามหาคำตอบพบว่า อาจเป็นเพราะการลงทุนเปลี่ยนโฉมจากเก่าให้ใหม่หรือการสร้างใหม่ให้ดูเก่ามีราคาสูงจึงจำเป็นต้องขายแพง หรือเป็นเพราะความโบราณคือสิ่งที่คนยอมจ่ายเพื่อจะได้ถ่ายรูปและสัมผัสในสิ่งที่ไม่มีอยู่แล้ว ก็อาจเป็นได้
เรด บารอน สมุย เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่หยิบความโบราณขึ้นมาเป็นจุดขาย คือ ให้บริการเรือยอชท์ที่ออกแบบเป็นเรือสำเภา กางใบสีแดงชาดโลดแล่นกลางอ่าวไทย ตัวเรือทำจากไม้ตะเคียนทอง รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 90 คน เปิดให้บริการทั้งแบบเช่าเหมาลำและขายแพ็กเกจอาหารเครื่องดื่มชมพระอาทิตย์ตก รวมถึงแพ็กเกจท่องเที่ยวรอบเกาะสมุย เกาะพะงัน และอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง
ภาพของเรือยอชท์สุดหรูพอกลายมาเป็นรูปแบบของเรือสำเภาก็ยิ่งดูหรูคลาสสิก ถือเป็นการสร้างความแตกต่างในวงการด้วยความโบราณ ถูกใจทั้งลูกค้าคนไทยและต่างประเทศ
ขอบคุณภาพจาก เรด บารอน สมุย
โทร. 08-3554-7305
เฟซบุ๊ก The Red Baron boat
เรือมาด : ดินเนอร์ปิ่นโตกลางป่าชายเลน
บ้านสลักคอกเป็นชุมชนชาวประมงบนเกาะช้างฝั่งตะวันออก (แต่ชาวบ้านเรียกว่า ฝั่งใต้) ฟากฝั่งที่ยังคงความเป็นพื้นบ้าน ไม่คึกครื้นเท่าเกาะช้างฝั่งตะวันตก (หรือที่เรียกว่า ฝั่งเหนือ) ที่มีชายหาดหลายแห่งดึงดูดนักท่องเที่ยว
มองดูแล้วอาจเป็นการดีที่การท่องเที่ยวไม่มารบกวนชาวบ้าน แต่ชาวสลักคอกกลับมองเห็นโอกาสจากการท่องเที่ยว จึงมีการรวมตัวกันคิดหากิจกรรมท่องเที่ยวที่รบกวนวิถีชีวิตและธรรมชาติให้น้อยที่สุด ผลลัพธ์ที่ได้คือ เปิดกิจกรรมพายเรือคายัคและล่องเรือมาดชมป่าชายเลน ภายใต้การดำเนินงานของชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอก เกาะช้างใต้
ชาวบ้านเลือก ‘เรือมาด’ มาใช้แทนเรือประมงติดเครื่อง เพราะอยากนำเสนอการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ และอยากพานักท่องเที่ยวไปดื่มด่ำกับความเงียบสงบให้มากที่สุด ตามข้อมูลระบุว่า เรือมาดเป็นเรือประจำถิ่นเก่าแก่ของภาคกลางตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลายถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ลักษณะเป็นเรือขุดไม่เสริมกราบ ท้องกลม หัวและท้ายเรือแบนกว้าง ใช้บรรทุกข้าวเปลือก ไม้ฟืน และหาปลา ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเรือภาคกลางแต่ก็เหมาะกับการใช้งาน เพราะพายอยู่ในคลอง ไม่ออกทะเล
แถมชาวบ้านได้เพิ่มความพิเศษด้วยการทำที่นั่งหันเข้าหากัน มีโต๊ะตรงกลาง กางร่มสีขาวสไตล์วินเทจ และจับฝีพายแต่งตัวใส่หมวกแนวย้อนยุค เรือหนึ่งลำนั่งได้ 4 คน ให้บริการ 2 รูปแบบคือ ล่องเรือมาดชมป่าชายเลน เวลา 45 นาที และล่องเรือรับประทานอาหารเย็น ช่วงเวลา 17.00-20.00 น. เสิร์ฟเป็นอาหารพื้นบ้านใส่ในปิ่นโต เน้นเมนูซีฟู๊ด พร้อมเครื่องดื่ม
เพียงไม่นานภาพเรือมาดโบราณก็กลายเป็นไวรัล ถูกพูดถึงอย่างรวดเร็ว ซึ่งตรงนี้เองที่สำคัญเพราะแม้ว่าบ้านสลักคอกจะกลายเป็นที่รู้จัก มีคนจองมาล่องเรือมาดกันล้นหลาม แต่ชาวบ้านก็ไม่ทำตามดีมานด์ เพราะยังหวงแหนธรรมชาติและยังยึดอาชีพประมงเป็นหลัก ไม่ใช่การท่องเที่ยว
เรือมาด
โทร. 08-7748-9497
เฟซบุ๊ก ชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอก เกาะช้างใต้
Note to know
- โปรแกรมล่องเรือ ลอย ริเวอร์ สอง มีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำ เช่น ปั่นจักรยานที่บางกระเจ้า ลงเรือหางยาวไปไหว้พระ และลงเดินชมโบราณสถานที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
- สุริยันจันทราเปิดบริการใหม่ล่องเรือแบบค้างคืน พร้อมบริการ Full Service บนเรือไม้ลำใหญ่ มี 3 ห้องนอน พาท่องเที่ยวตามวัดสำคัญในอยุธยา
- เรือสิริมหรรณพมีโซนรับประทานอาหารแบบเป็นส่วนตัวอยู่ภายใน ‘ห้องกัปตัน’ เหมาะสำหรับกรุ๊ปเล็กที่ต้องการความเอ็กซ์คลูซีฟ
- เรือยอทช์ เรด บารอน มีความยาว 30 เมตร กว้าง 6.5 เมตร ประกอบด้วย ดาดฟ้าสำหรับอาบแดด ห้องรับประทานอาหาร และเลาจน์ ทั้งยังการันตีตัวเองว่าเป็นเรือยอทช์แบบกางใบ (Sailing Yacht) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสมุย
- โปรแกรมล่องเรือมาดรับประทานอาหารเย็นของบ้านสลักคอกต้องจองล่วงหน้า และจะออกเรือเฉพาะช่วงที่ไม่มีมรสุมเท่านั้น