เริ่มต้นจากงานคราฟต์

มองเผินๆ จากภายนอก Hang & Craft บนถนนนิมมานเหมินท์ คงเหมือนกับคาเฟ่กาแฟทั่วไปในละแวกเดียวกัน แต่เมื่อเข้าสู่ภายใน คุณจะพบว่า ที่นี่ยังเป็นโชว์รูมที่รวมงานเครื่องหนัง งานไม้ และเครื่องประดับดีไซน์เก๋ๆ ที่ไม่ใช่สินค้าตามแฟชั่นทั่วไป

“เดิมทีเป็นร้านขายของที่ระลึก เครื่องหนัง งานไม้ ซึ่งเป็นอาชีพหลักและรายได้หลัก ผมมีร้านขายสินค้าทั้งหมด 7 ร้าน แต่เพราะเป็นคนชอบไปนั่งทำงานออกแบบสินค้าตามคาเฟ่สวยๆ จึงมีความคิดว่าอยากเปิดคาเฟ่เพื่อนั่งทำงาน พักผ่อน” เรศ – อมเรศ มโนธรรม เจ้าของร้านหนุ่มชาวเชียงใหม่ เล่าให้ฟังถึงที่มา

บรรยากาศของร้านให้ความรู้สึกเหมือนบ้านเก่า วัสดุหลักๆ ใช้ไม้ อิฐ กระจก แซมด้วยต้นไม้ใบเขียวเพิ่มความชุ่มชื่นสายตา ภายในจัดวางโซฟาเบดเหมือนเป็นมุมรับแขกของบ้าน ส่วนที่นั่งอื่นๆ ถูกออกแบบให้กระจายอยู่ตามมุมต่างๆ เพื่อสร้างความเป็นส่วนตัว

พื้นที่เก่าตรงนี้เคยเป็นห้องเช่าที่แบ่งซอยออกเป็น 4 ห้องเล็กๆ เมื่อเรศเข้ามาเช่าต่อ จึงทุบโครงสร้างเดิมทิ้ง เหลือเพียงหลังคาและพื้น ผนังก่ออิฐเปลือย และบางส่วนฉาบใหม่ด้วยปูนสีขาวแบบหยาบๆ เพื่อให้ดูเหมือนงานที่ยังไม่แล้วเสร็จดี เพื่อคงความดิบ เท่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “สวยและไม่แพง”

“ที่นี่ผมออกแบบเอง ผมตั้งใจเลือกตั้งแต่เครื่องชงกาแฟ วัตถุดิบในการทำขนม ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ตกแต่งในร้าน เช่น โซฟาเบดยกมาจากที่บ้าน ตู้เคาน์เตอร์เครื่องดื่มเป็นเคาน์เตอร์เก่าจากร้านทองที่เอามาทำสีใหม่ให้ดูเก่า เราหวังว่าจะมีลูกค้าที่ชอบบรรยากาศ และการตกแต่งร้านสไตล์เดียวกัน ได้มานั่งพักผ่อน และพูดคุย ไม่ได้หวังว่าคาเฟ่จะต้องทำรายได้ เพราะผมมีรายได้หลักจากการขายผลิตภัณฑ์ เพียงแต่ทำคาเฟ่เพื่อสานฝันให้ตัวเอง

“แต่วันหนึ่งเมื่อเกิดโควิด ร้านค้าของผมทุกสาขา ทั้งในเชียงใหม่ และภูเก็ต ต้องปิดตัวลง เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยว และมาตรการของแต่ละจังหวัด เหลือเพียงคาเฟ่แห่งนี้ ซึ่งคาเฟ่ที่ตั้งใจทำเพื่อสานฝันให้ตัวเอง กลับกลายเป็นแห่งเดียวที่ทำรายได้”

ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ Hang & Craft เป็นคาเฟ่เพียงแห่งเดียวที่เปิดให้ลูกค้านั่งชิลในร้าน ขณะที่ร้านอื่นๆ ขายสินค้าเป็นหลักและบริการเครื่องดื่มแบบ Take Away

งานหนังมีดีไซน์

ชามะนาวรสเปรี้ยวหวานกลมกล่อม เครื่องดื่มที่เราสั่งประจำ ถูกยกเสิร์ฟบนถาดไม้ ฉลุชื่อแบรนด์ Hang & Craft ไว้บนเนื้อไม้ สะท้อนความเรียบน้อย และกิมมิคเล็กๆ ซึ่งส่วนใหญ่เจ้าของเป็นคนออกแบบเองแทบทั้งหมด

เรศเริ่มทำงานฝีมือตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เขาใช้เวลาว่างจากคาบเรียนนั่งเย็บสมุดและกระเป๋าสตางค์เศษหนัง เพื่อนำไปขายที่ถนนคนเดินทุกวันเสาร์อาทิตย์ พอใกล้จบปี 4 มีเงินเก็บมากพอ จึงเช่าตึกบนถนนคนเดิน เพื่อเปิดร้าน และเป็นโรงงานจนถึงทุกวันนี้

“ผมใช้เศษหนังหลายสีหลายลาย เอามาประกอบต่อกันเหมือนจิกซอว์ ถ้าเรียงสวยจะขายออกเร็ว ถ้าไม่สวยจะขายออกช้าหน่อย สินค้าเราจะอิงกับต่างชาติ เป็นฟิลลิ่งที่คนต่างชาติชอบ สไตล์ออกดิบๆ เพราะเป็นงานเย็บมือ คนไทยก็มีซื้อบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นกระเป๋าสตางค์ใบเล็ก

“ผมทำงานแบบไม่มีแบรนด์มาตลอดเกือบ 10 ปี ทุกๆ ปี ลูกค้าประจำที่เป็นต่างชาติจะกลับมาซื้อสินค้าเรา ตอนนี้พอเปิดคาเฟ่ ต้องอิงคนไทยมากขึ้น เลยคิดว่าต้องมีชื่อแบรนด์แล้วล่ะ เลยตั้งชื่อร้านกับแบรนด์ว่า Hang & Craft คำว่า Hang หมายถึง การออกไปแฮงก์เอาต์หรือไปเจอเพื่อน ส่วน Craft ก็คือ การทำงานคราฟต์”

สินค้าเครื่องหนังมีตั้งแต่สมุดบันทึก กระเป๋าสตางค์ใบเล็ก-ใบใหญ่ โดยใช้หนังวัวที่ผ่านการฟอกหลายแบบ เช่น หนังออยล์ หนังขน หนังฟอกฝาด ฯลฯ ทั้งงานดีไซน์แบบเรียบ ที่ขายได้เรื่อยๆ และดีไซน์แปลกแหวกแนวที่ไม่เหมือนใคร เช่น กระเป๋าหนังผู้หญิงที่ห้อยด้วยลูกบอลระโยงระยาง ส่วนหนังที่เหลือจากการทำกระเป๋า จะถูกนำไปทำพวงกุญแจจนแทบไม่เหลือเศษ

สนุกกับงานไม้และเครื่องประดับ

เมื่องานเครื่องหนังเริ่มอยู่ตัว เรศหันมาสนุกกับงานไม้ โดยเขาเริ่มจากทำเคสมือถือโดยใช้ไม้แท้ๆ เป็นพื้นหลัง ซึ่งในยุคนั้นยังไม่มีใครทำ ส่งผลให้เคสไม้ของเขาขายดิบขายดีถึงวันละ 30-50 ชิ้น ในราคาชิ้นละ 250-300 บาท

“ตอนนั้นผมซื้อเครื่องเลเซอร์มาใช้ตัดไม้ และดีไซน์เป็นลวดลายต่างๆ ทำได้สองปีเราเริ่มพัฒนาโดยเอาภาพมาแปะบนไม้ มันก็ว้าวอีกเพราะยังไม่ค่อยมีคนทำ หลังจากนั้นก็คิดค้นหาวิธีที่จะทำยังไงให้สีติดบนเนื้อไม้ พยายามทดลองหลายวิธี จนในที่สุดก็ทำได้ และตอนนี้เราสามารถใช้รูปคนแปะบนไม้ ใส่ชื่อหรือข้อความเพิ่มลงไปได้ด้วย” เรศเล่าอย่างภาคภูมิใจ

ปัจจุบันสินค้างานไม้ ยังต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น หวี จาน ถาดวางแก้วน้ำ ที่วางโทรศัพท์ แว่นตา ฯลฯ รวมไปถึงฟังก์ชั่นพิเศษที่สามารถแกะสลักหรือฉลุชื่อลงบนเนื้อไม้ได้โดยใช้เครื่องแกะ CNC (Engraving&Cutting)

เครื่องประดับเป็นอีกงานประเภทหนึ่งที่เขาสนใจ และดีไซน์ร่วมกับเพื่อน โดยวัสดุหลักๆ ที่ใช้ คือ หินและทองเหลือง งานออกแบบของเรศเน้นความดิบและอลังการ เช่น เป็นตุ้มหูที่ห้อยระย้าและมีความยาวมากกว่าตุ้มหูทั่วๆ ไป

“ในอนาคตผมคิดว่าจะผนวกทั้งสามอย่างรวมกัน เป็นเครื่องประดับที่เข้ากับกระเป๋าหนังหรืองานไม้ เพราะตอนนี้เราผนวกงานไม้กับงานหนังเข้าด้วยกันแล้ว

“ถ้าจะให้นิยาม ผมคิดว่างานของผมเป็นคราฟต์สมัยใหม่ เราใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ผมมีเครื่องเลเซอร์หลายแบบ ที่สามารถยิงบนหนังได้ ทำให้เราคุ้มต้นทุนได้ แต่ก็ยังคอนเซ็ปต์งานดิบๆ อยู่ เพราะทุกวันนี้ยังต้องเย็บมือ ยกเว้นบางงานที่มีเย็บจักรบ้าง”

สำหรับสินค้าที่วางโชว์ในคาเฟ่ Hang & Craft ช่วงนี้จะเป็นงานออกแบบของเพื่อนศิลปินหลายคน เรศบอกว่าเป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ที่เขาตั้งใจทำให้เป็น Hub สำหรับรวมงานศิลปินที่เขาชื่นชอบและสไตล์เดียวกัน

ส่วนอนาคตอันใกล้ เขาเตรียมเปิดร้านใหม่แถวสันผีเสื้อที่ชื่อว่า Kid & Craft เป็นร้านขายของเล่นเด็กที่ทำจากไม้โดยเฉพาะ และมีพื้นที่กว้างขวางสำหรับลูกค้ากลุ่มครอบครัวได้ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกัน