Booktopia

ร้านหนังสืออิสระของ วิรัตน์ โตอารีย์มิตร ชายผู้เป็นนักเขียน คอลัมนิสต์นามปากกาว่า ญามิลา และ ปลาอ้วน ได้แปรเปลี่ยนพื้นที่โรงรถในจังหวัดอุทัยธานีให้เป็นร้านหนังสือบุ๊คโทเปีย (Booktopia) ร่วมกับภรรยาของเขา ซึ่งถ้านับจากวันเกิดร้านจนถึงวันนี้ก็มีอายุได้ 15 ปีแล้ว

ภายในร้านตกแต่งไปด้วยโทนสีขาว และสีน้ำตาลของไม้ ตามหนังสือที่เรียงรายล้อมรอบทำให้ที่นี่อบอุ่น และเป็นยิ่งกว่าพื้นที่นักอ่านคือพื้นที่พบปะ สนทนาของขาประจำ เพราะลูกค้าหลายคนที่เข้ามาต่างติดใจจนต้องกลับมาแวะเวียนอีกซ้ำๆ แถมเจ้าของร้านเองก็เป็นมิตร การพูดคุยจึงต่อยอดกลายเป็นสังคมเพื่อแลกเปลี่ยนเรื่องราว ไปจนถึงเกิดโครงการในชื่อ ‘ทำนาประสา Booktopia’ ที่ไม่ได้จัดบ่อยนัก โดยเจ้าของร้านจะชักชวนนักอ่านขาประจำมาทำนา และยังมีกิจกรรมอื่นๆ ซึ่งจะจัดเพื่อผูกสัมพันธ์กับนักอ่านและผู้ที่แวะเวียนอยู่เรื่อยๆ

หนังสือที่นี่มีตั้งแต่วรรณกรรมแปล วรรณกรรมคลาสสิก วรรณกรรมไทย และอื่นๆ ทางร้านยังต่อยอดด้วยการเปิดสำนักพิมพ์อารีมิตร ตีพิมพ์หนังสือ รวมถึงงานเขียนของวิรัตน์เอง รายชื่อหนังสือตีพิมพ์เอง อาทิ หนังสือ หัวใจ, เวลา, กลางป่าแสงจันทร์ เขียนโดย ม.ล. ปริญญากร วรวรรณ หนังสือชื่อ Rocktopia เขียนโดย วิรัตน์ เจ้าของร้านแห่งนึ้เอง

กลิ่นหนังสือ

สำหรับคนที่หลงใหลทั้งการอ่านและซื้อหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นเล่มไหนก็ถือเป็นเสน่ห์ให้อยากหยิบขึ้นมา ร้านกลิ่นหนังสือ เป็นร้านออนไลน์มากด้วยตัวตนไม่ซ้ำใคร เพราะแค่เริ่มต้นขายก็มีวิธีที่ไม่ธรรมดาแล้ว นั่นคือ Blind Date With A Book คนซื้อจะไม่รู้ว่าหนังสือเล่มนั้นชื่ออะไร แต่จะเลือกจากโควทคำโปรยที่ใช้อธิบายเล่มนั้นๆ แทน วิธีนี้ล่ะที่สร้างความตื่นเต้นต่อคนซื้อไม่น้อยเลย  อีกทั้งชื่อร้านยังลึกซึ้ง เพราะมากกว่ากลิ่นที่สัมผัสจากจมูก คือความทรงจำครั้งเมื่อเจ้าของร้านยังคงอาชีพ ครูบรรณารักษ์ในห้องสมุดคอยแนะนำหนังสือดีๆ น่าอ่านให้เด็กๆ จนวันสุดท้ายของการทำงาน

ด้วยเอกลักษณ์ของร้านกลิ่นหนังสือที่แพ็กเกจการห่อเอง แนบด้วยก้านรวงข้าวที่ถูกใจคนซื้อจนเกิดฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ทางร้านจึงต่อยอดด้วยการเปิดห้องสมุดออนไลน์ชื่อ Bibliotheca เพื่อให้นักอ่านยืมหนังสือดีๆ ไปจนถึงหนังสือหายากไปอ่านได้ เพียงเสียค่าส่ง 40 บาท  และเพราะตัวตนที่ชัดเจนจึงทำให้ร้านกลิ่นหนังสือขยับขยายจากขายออนไลน์มาเปิดเป็นร้านจริงๆ จังๆ ของตัวเองเ พื่อให้ผู้อ่านได้พบปะและเข้ามาสัมผัสกับหนังสือได้โดยตรง

ภายในร้านไม่ได้มีแค่  Blind Date With A Book  อย่างเดียว ยังมีหนังสืออีกหลากหลายประเภทและหนังสือ Self-Published โดยนักเขียนไทยอิสระจัดจำหน่ายให้เลือกซื้อตามชอบ

House Of Common

ร้านหนังสืออิสระขนาดเล็ก มีอายุเข้าปีที่ 10 พอดี และเป็นทั้ง Book Cafe Space ตั้งอยู่ในย่านตลาดน้อย อีกหนึ่งร้านที่มากด้วยความคิดดีๆ หนึ่งในนั้นคือความตั้งใจที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับร้านในชุมชนใกล้เคียง ด้วยการจัดอีเวนต์ดึงดูดคนละแวกนั้น รวมถึงคนที่สนใจแวะเวียนเข้ามา ด้วยเป้าหมายอยากทำให้ House Of Common เป็นร้านหนังสือของคนในย่านตลาดน้อยนั่นเอง รวมถึงช่วยผลักดันพื้นที่สาธารณะให้ผู้คนได้พบปะ พูดคุยจนเกิดเป็นคอมมูนิตี้ที่ดีต่อกัน

หน้าร้านเป็นตึกสีขาวให้อารมณ์ตึกเก่ามีเสน่ห์ ภายในร้านเผยโทนสีสว่าง สดใสด้วยแสงที่ส่องเข้ามา พ่วงด้วยสีสันปกหนังสือวางสลับเฉดสีฉูดฉาด เข้ม อ่อน ตัดกัน เพิ่มชีวิตชีวาต่อคนมาเยี่ยมเยียน ในร้านขายหนังสือหลากหมวดหมู่ รวมไปถึงสนับสนุนงานเขียนคุณภาพจากนักเขียนไทยอิสระ แล้วก็มีคาเฟ่เล็กๆ และมีเสื้อผ้าวางขายด้วยนะ จะยืมหนังสือก็ได้เหมือนกันแต่ต้องสมัครสมาชิกกันก่อน

และเนื่องด้วยร้านเข้าสู่ปีที่ 10 จึงทำให้ House Of Common เข้าสู่การจัดอีเวนต์แบบจัดเต็มตลอดเกือบทุกอาทิตย์ ที่เราอยากพาทุกคนมาร่วมกิจกรรมดีๆ หรืออยากเข้ามาพูดคุยจิปาถะกับคนในร้านก็ได้ ทางร้านก็ยินดี

Wild Dog Bookshop

ร้านหนังสือที่ใครต่อใครต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า บรรยากาศเหมือนนั่งอยู่ในบ้านชิคๆ เก๋ๆ ร่มรื่น เจ้าของร้านเป็นมิตร คุยสนุก ซึ่งเสียงบอกเล่าปากต่อปากนี่ล่ะที่ดึงดูดให้คนที่รักหนังสือ ต้องการสภาพแวดล้อมที่เป็นกันเองเลือกเข้าร้านนี้

จุดเริ่มต้นร้านหนังสือ จริงๆ แล้วเจ้าของร้านเลือกออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านหนังสือด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยวและอยากหลีกหนีจากโลกภายนอก เข้าสู่โลกในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง จึงเป็นที่มาของชื่อ Wild Dog Bookshop และเพราะความชอบส่วนตัวที่แม้ว่า เปิดร้านครั้งแรกด้วยการเช่าตึกแถวโรงเรียนกัลยาณวัตร ซึ่งตรงกับช่วงที่เศรษฐกิจขาลงจนต้องปิดร้านไป เขาก็ยังสู้ต่อด้วยการกลับมาเปิดร้านใหม่อีกครั้งที่ซอยศรีจันทร์ เพราะรู้สึกว่านี่คือสิ่งที่ตนต้องการ

จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ร้านหนังสือแห่งนี้พยายามปรับตัวและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา หนังสือภายในร้านมีทั้งวรรณกรรมคลาสสิค และร่วมสมัย หนังสือปรัชญา บทกวี หนังสือสายสังคม ความเรียง ตำราอาหารก็มี และหนังสือต่างประเทศพอประมาณ อีกทั้งยังจัดกิจกรรมส่งเสริมวงการหนังสือด้วยการเปิดวงอ่านบทกวีร่วมกัน งานเสวนาพบปะนักเขียน หรือที่อยู่นอกเหนือจากหนังสือคือการจัดงานดนตรี ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นมากกว่าร้านหนังสือ ต้อนรับผู้คนหลากหลายให้ลองเข้าไปสัมผัสด้วยตัวเอง

Siangthip Book Center

ร้านหนังสือเสียงทิพย์บุ๊คส์เซ็นเตอร์ถือว่าเป็นร้านหนังสืออิสระเก่าแก่อยู่คู่กับเมืองพิษณุโลกมานานเกือบ 60 ปี โดยแต่ก่อนเคยเป็นร้านขายและซ่อมวิทยุทรานซิสเตอร์ จนกระทั่งเวลาผ่านไป เปลี่ยนมาเปิดเป็นร้านขายหนังสือแทน ด้วยความคิดที่อยากส่งเสริมความรู้ทางด้านการอ่านและเปิดโอกาสให้ผู้คนสนใจหนังสือกันมากขึ้นจนต้องวนกลับมาอีกครั้ง

ภายในร้านมีหนังสือเกือบทุกประเภท ทำให้ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นไหน อายุเท่าไหร่ก็สามารถค้นหาหนังสือเพื่อพบเล่มที่ใช่ของตนเองได้ เพราะที่นี่ต้องการยกพื้นที่เพื่อให้บริการกับทุกคนจริงๆ และต้องการสร้างสังคมเพื่อการพบปะกันของผู้คนที่หลากหลาย ทางร้านจึงให้ความสำคัญต่อการจัดอีเวนต์ที่เกี่ยวข้องกับหนังสือ อย่างกิจกรรม Book Club ช่วยกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ต่างๆ ระหว่างนักอ่านด้วยกัน ถือเป็นอีกหนึ่งร้านที่ช่วยผลักดันกาารอ่านให้พยายามเข้าถึงผู้คนอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ มีโซนคาเฟ่ ให้เราได้จิบเครื่องดื่มไปอ่านหนังสือไปพลางๆ ด้วยนะ

A Book With No Name

ร้านหนังสือที่ดึงดูดสายตาตั้งแต่ฟอนต์ตัวอักษรโชว์ชื่อร้านแบบแฟนตาซี อีกทั้งยังมีแก๊งแมวเหมียว 4 ตัวเป็นเจ้าของร้าน เอ้ย! เป็นน้องเฝ้าร้านที่คอยเรียกร้องความสนใจคนที่แวะเวียนเข้ามา ซึ่งเราขอบอกเลยว่า น้องๆ จะทำคุณงงว่าตกลงแล้ว เราตั้งใจมาหาหนังสืออ่านหรือมาเล่นกับน้องแมวกันแน่

เราชอบบรรยากาศร้านนี้มากๆ ผนังกำแพงสีเขียวภายในร้านตัดกับสีขาวของกระเบื้องพื้น เสริมแต่งด้วยต้นไม้และภาพวาดนักเขียนวรรณกรรมระดับโลก ยิ่งทำให้ร้านนี้ได้ vibe ลึกลับและขลังอยู่หน่อยๆ ซึ่งมีเสน่ห์ไม่เบา หนังสือภายในร้านส่วนใหญ่ออกแนววรรณกรรมตั้งแต่คลาสสิคไปจนถึงวรรณกรรมเนื้อหาค่อนไปทางหนัก และแม้ทางร้านจะตั้งเชลฟ์ขายแต่ก็สามารถหยิบออกมาอ่านได้นะ แต่ต้องระวังนิดนึงเพื่อคงสภาพหนังสือดีๆ ต่อไปได้นาน

เท่านั้นยังไม่พอ ทางร้านยังจริงจังในส่วนของเครื่องดื่มอีกด้วย มีการออกแบบเครื่องดื่มให้ล้อไปกับตัวตนนักเขียนชื่อดัง คนรักหนังสือต้องอินยิ่งกว่าเดิมแน่นอน แถมยังมีคราฟเบียร์ให้ได้ลิ้มลอง เรียกว่าเป็นการสร้างบรรยากาศต่อการอ่านหนังสือที่ดีมีสไตล์

อีกหนึ่งเสน่ห์ของร้านที่ชวนให้ต้องแวะกลับมาอีกครั้ง คือการจัดฉายภาพยนตร์ให้เข้ามานั่งดูฟิลสบายๆ กันเอง บางเรื่องก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับหนังสือ หรือสร้างจากนิยายอีกด้วยเช่น 84 Charing Cross Road หนังดีที่ควรค่าแก่การรับชม ถ้าทางร้านฉายอีกเราก็อยากชวนทุกคนมาดูเรื่องนี้กัน

ส่วนใครที่อยากมาสัมผัสร้านหนังสือสุดเก๋แห่งนี้ หากนำรถส่วนตัวมา จะมีที่จอดอยู่ 2 ที่ คือ จอดฟรีหน้าโรงเรียนเทคนิควิมลศรีย่าน ส่วนอีกที่จอดที่ห้างเอดิสันฝั่งตรงข้ามร้าน โดยคิดค่าจอดชั่วโมงละ 40 บาท