เกิดเป็น มหา-สมุด

จุดเริ่มต้นของ Mahaasamud Home Studio เกิดจาก เจ – เจษฎา แก้วบุดตา และ ทราย -จุฑามาศ แก้วเรือนศิลป์ ครั้งยังทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ทั้งคู่อยากทำสมุดปกหนังแฮนด์เมดเพื่อใช้ประกอบการเขียนแบบในสายอาชีพสถาปนิก บังเอิญว่ามีเพื่อนๆ ชอบจนมาขอซื้อสมุดทำมืออยู่เรื่อยๆ เจและทรายจึงเปิดเพจเฟซบุ๊กในชื่อ มหา-สมุด ขยายความหมาย ‘มหา’ หมายถึง มหาศาล หรือมากมาย สะท้อนความตั้งใจที่ทั้งสองอยากทำสมุดออกมาหลากหลายรูปแบบนั่นเอง

ทั้งคู่เริ่มจากขายสมุดแฮนด์เมด และรับทำเครื่องหนังตามแบบที่ต้องการ แต่ด้วยลักษณะงานที่เน้นทำที่บ้าน ทำเสร็จลูกค้ามารับกลับ เจและทรายตัดสินใจลาออกจากงานประจำ ก่อนจะเลี้ยวกลับบ้านเกิดของเจที่นครพนม เพราะต้องการปักหลักสร้างครอบครัว และลงมือสร้าง มหา-สมุด โฮมสตูดิโออย่างจริงจัง

‘บ้าน’ หลังนี้ เจและทรายช่วยกันออกแบบ ก่อนนำไม้เก่าที่หาซื้อจากนครพนมทั้งหมด มีแค่สังกะสีที่เป็นของใหม่ มาเนรมิตให้พื้นที่กว่า 3 งานกลายเป็นบ้านไม้กึ่งสังกะสีชั้นเดียวที่โชว์เสน่ห์บ้านแบบงานคราฟต์สุดเท่ ภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบเรียบๆ กลางโถงบ้านเป็น Slow Bar ที่สามารถมองเห็นทั้งคู่ทำเครื่องดื่มและขนมได้อย่างเพลิดเพลิน มีหนังสือให้หยิบอ่าน โดยรวมแล้วเป็นกันเองเสมือนมาพักผ่อนที่บ้านเพื่อนยังไงยังงั้นเลย

“ด้วยความที่เราเรียนด้านสถาปัตยกรรมมา เราเลยถนัดเรื่องการจัดองค์ประกอบบ้านเพื่อนำเสนอความเป็นตัวตนของพวกเราได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้เรายังเคลื่อนย้ายของในบ้านกันทุกอาทิตย์ตามพฤติกรรมของลูกค้าด้วย เพราะเราไม่ได้อยากเน้นให้ลูกค้ามานั่งทำงานอย่างเดียว แต่อยากให้มาแล้วเหมือนได้นั่งพักผ่อน อยู่กับตัวเอง นั่งคิดอะไรเพลินๆ เรามองว่าที่นี่เป็นสถานที่เพื่อเอกเขนก เน้นมาสัมผัสธรรมชาติ รับความชิลล์สบายๆ”

ชิลล์ขนาดที่ว่าเรากับเจกำลังสนทนากันอย่างออกรส ก็ได้ยินเสียงใบไม้พลิ้วไสวแทรกเข้ามาอยู่เรื่อยๆ นับเป็นโมเมนต์ซิกเนเจอร์ของที่นี่เลยจริงๆ ส่วนถ้าเดินเข้ามาแล้วรู้สึกว่า มหา-สมุด โฮมสตูดิโอ ดูจะกลมกลืนไปกับบ้านไม้อื่นๆ หลังใกล้เคียงเสียเหลือเกินก็คงไม่ผิดหรอก เพราะนี่ล่ะคือความตั้งใจของทั้งคู่ที่ไม่ขอยึดความหรูหรา แต่ขอเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับผู้คนในชุมชนนี้ก็พอแล้ว

ไลฟ์สไตล์ของทั้งคู่ยังสะท้อนผ่านดีไซน์ของแบรนด์อีกด้วยนะ “สไตล์มหา-สมุด เป็นไปตามบุคลิกทั้งตัวเราและทรายเลย ของเราเน้นใช้สอยง่าย มีความเรียบ ตรงไปตรงมาและคงทน ส่วนของทรายจะมีความเรียบง่าย แต่ดูเก๋ ดูดี”

พึ่งพาตัวเอง

เจชี้ให้เราดูผนังห้องน้ำซึ่งบดบังด้วยแผ่นไม้และสังกะสี ก่อนขยายความเพิ่มเติมให้ฟังว่า แม้ทั้งคู่จะเรียนด้านสถาปัตยกรรมมา แต่พวกเขาแทบจะไม่มีความรู้เรื่องการสร้างบ้านเลย “ตั้งแต่เราลาออกจากงาน มันเหมือนกับว่า แม้เราจะทำทุกอย่างจากความชอบ เราต้องทำด้วยตัวของเราเองทั้งหมดด้วย เพราะเรามีแนวคิดเรื่องการพึ่งพาตัวเอง เอามาใช้เป็นรากฐานต่อการเรียนรู้ที่จะทำบ้าน ฝึกทำเครื่องดื่ม เรียนรู้การทำขนมจากยูทูป แล้วมาทดลอง ฝึกหัดเองด้วย”

การลงมือทำบ้านและคาเฟ่ด้วยสองมือ ทำให้สองสามีภรรยาได้เรียนรู้ความหมายในชีวิต แตกฉานในเส้นทางที่ทั้งสองเลือกก้าวเดิน “เพราะเรามีลูกด้วยล่ะ ทำให้ตัวเรามองเห็นอะไรได้กว้างขวางขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการใช้ชีวิตให้บาลานซ์ ทั้งเรื่องการทำงาน ชีวิตส่วนตัว และการได้อยู่กับลูก ทุกคนต้องการความผ่อนคลาย เราเลือกได้ว่าอยากใช้ชีวิตแบบไหน” พื้นที่แห่งนี้จึงเหมาะแก่การเชื้อเชิญทุกคนมาปลดปล่อยไลฟ์สไตล์ในแบบของตนเอง

เมนูครีเอท

เครื่องดื่มของมหา-สมุด มาในรูปแบบ Slow Bar มีเมนู Signature Drink เน้นวัตถุดิบที่หาได้ง่ายในบ้านและพื้นที่ใกล้เคียง ก่อนเสิร์ฟในแก้วค็อกเทล อย่าง ‘หมากนัด ฮันนี่ เลม่อน พริกเกลือ’ มีส่วนผสมของสับปะรดหมัก น้ำผึ้งป่ากลิ่นหอม และพริกเกลือปาดที่ขอบแก้ว ดื่มเข้าไปจะสัมผัสได้ถึงรสเผ็ดเค็มหวานนิดๆ ตามมาด้วยรสเปรี้ยวอมหวาน ดื่มท่ามกลางธรรมชาติคงสดชื่นไม่เบา

นอกจากนี้ ยังมีเมนูเบเกอรี่อย่างสโคน ชีสบาร์ เค้กโรล เค้กฟักทอง หรือเค้กกล้วยหอม ทำหมุนเวียนกันไปในแต่ละวัน น่าเสียดายที่มาไม่ทันได้ชิมเค้กชิ้นสุดท้ายของร้าน ซึ่งถูกเสิร์ฟให้ลูกค้าคนอื่นเสียแล้ว แต่เพียงได้เห็นสีหน้ายิ้มแย้มของลูกค้าขณะชิมเค้ก ก็รู้ได้ทันทีว่า ขนมที่นี่อร่อยแน่นอน

แม้ว่าโฮมสตูดิโอของทั้งคู่จะเป็นไปตามที่วาดหวัง แต่ทั้งเจและทรายยังต้องการให้ มหา-สมุด มีตัวตนและอยู่ได้ด้วยตัวของแบรนด์เอง “ตัวช็อปเครื่องหนัง ผมรู้สึกว่ามันยังไม่เกิด ผมอยากให้ มหา-สมุด ขายงานได้ด้วยตัวของมันเอง ลูกค้าไม่ต้องรู้จักเราก็ได้ แต่มองเห็นสินค้าเราแล้วอยากซื้อกลับไปก็พอ”

ส่วนภาพการเปลี่ยนแปลงในอนาคต เจหันไปมองบ้านหลังนี้ที่เขาและทรายร่วมกันสร้างด้วยแววภูมิใจ ก่อนหันกลับมาพูดด้วยรอยยิ้ม “คงขึ้นอยู่กับช่วงวัยของลูก ไม่แน่ว่าหลังจากวันนี้ไปถึง 5 หรือ 7 ปีข้างหน้า เราอาจจะทำเกตส์เฮาส์เน้นบรรยากาศร่มรื่นเพิ่มเข้ามาก็ได้นะ”

นั่นล่ะขึ้นอยู่กับโอกาสและช่วงเวลาจริงๆ