เพราะเชียงใหม่กลายเป็นเมืองที่มีชาวญี่ปุ่นมาพำนักระยะยาวมากที่สุด เราจึงได้เห็นความน่ารักของญี่ปุ่นส่งอิทธิพลต่ออะไรหลายๆ อย่างในเมืองนี้ กลายเป็นประสบการณ์ที่เราเชื่อว่าถึงแม้ตอนนี้จะไปญี่ปุ่นไม่ได้ แต่ลองสัมผัสมุมน่ารักเหล่านี้ที่เราเสาะหามา ไปเเยือนเชียงใหม่คราวหน้า ก็ช่วยทำให้หายคิดถึงญี่ปุ่นได้เหมือนกันนะ
- เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีชาวญี่ปุ่นย้ายมาพำนักระยะยาวมากที่สุด ด้วยลักษณะทางวัฒนธรรม สภาพอากาศ บ้านเมือง และการใช้ชีวิตของผู้คน ที่มีความคล้ายคลึงกัน
- ทุกๆ ปีในช่วงฤดูหนาว เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาพักผ่อนมากที่สุด ไม่ว่าจะเที่ยวทางธรรมชาตินอกเมืองหรือในตัวเมือง
- ปัจจุบัน มีคาเฟ่ ร้านอาหาร รีสอร์ทที่พักต่างๆ ในเชียงใหม่จำนวนมาก ที่สร้างสรรค์รูปแบบในคอนเซ็ปต์ญี่ปุ่น ด้วยเสน่ห์ของความเป็นเจแปนนีส ที่น้อยแต่มาก ใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอน ทำให้สถานที่เหล่านี้ กลายเป็นจุดปักหมุดในการเดินทางมาท่องเที่ยว
1. โมริ เนเชอรัล ฟาร์มสเตย์ ท่ามกลางธรรมชาติและวิถีชนบทญี่ปุ่น
เพียงได้มาครั้งแรก ก็เชื่อได้เลยว่าคุณจะต้องตกหลุมรักกับบรรยากาศของที่นี่ ‘โมริ เนเชอรัล ฟาร์มสเตย์’ ที่พักสไตล์ญี่ปุ่น ที่มีสวนดอกไม้แสนสวย มีฟาร์มผักผลไม้ปลอดสาร และสุนัขพันธุ์อาคิตะกับโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ ที่ทำหน้าที่ต้อนรับอาคันตุกะผู้มาเยือนแบบใกล้ชิด
‘โมริ เนเชอรัล ฟาร์ม โฮมสเตย์’ เกิดจากคุณปอและคุณเมี่ยง สองสามีภรรยาที่อิ่มตัวกับการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ และอยากย้ายมาอยู่ชนบท ทั้งคู่วางแผนทำฟาร์มสเตย์เพื่อให้มีรายได้เลี้ยงชีพ เริ่มแรกจากทำเรือนเพาะชำขนาดใหญ่ที่ใช้เพาะปลูกพืชผัก ซึ่งตอนหลังกลายเป็นบ้านโรงนาสำหรับนักเดินทาง ปัจจุบัน มีบ้านพักจำนวน 4 หลัง ซึ่งนอกจากบ้านโรงนาแล้ว ยังมีบ้านหลองข้าว บ้านเรียวกัง และบ้าน Cottage เป็นหลังล่าสุด ทั้งหมดนี้รองรับลูกค้าเข้าพักได้ราว 16-17 คน
“คอนเซ็ปต์ของที่นี่เป็นฟาร์มที่เพาะปลูกด้วยวิถีธรรมชาติ ไม่ใช้เคมี ไม่เน้นปลูกเยอะเพื่อนำไปขาย แต่เน้นพอเพียง ปลูกเท่าไหร่ ใช้ในไร่เท่านั้น มีเยอะก็แบ่งปันเพื่อนบ้าน เราอยากกินแบบไหน ก็ทำให้ลูกค้ากินแบบนั้น และเราดูแลแขกเหมือนเพื่อนมาเที่ยวบ้าน”
คุณปอเล่าด้วยรอยยิ้ม ปัจจุบัน ฟาร์มเนื้อที่ 6 ไร่แห่งนี้ ปลูกทั้งมันหวานญี่ปุ่นพันธุ์อันโนะ ข้าวโพดทับทิมสยาม เลมอน มะละกอ อะโวคาโด มะม่วง ฝรั่ง สมุนไพรฝรั่ง เช่น ใบไทมส์ มิ้นท์ ลาเวนเดอร์ และโรสแมรี่ โดยเลือกปลูกอย่างละเล็กละน้อย แต่เมื่อรวมกันแล้ว ก็กลายเป็นฟาร์มฝืนใหญ่ ที่สวยงามกลมกลืนไปกับธรรมชาติรอบด้านที่เป็นภูเขา
ฟาร์มสเตย์เปิดมาปีครึ่ง ได้ข่าวว่ายอดจองบ้านพักเต็มยาวไปถึงมกราคมปีหน้าแล้ว ส่วนใครที่อยากแวะมาถ่ายรูปากับสวนดอกไม้ ที่มองเห็นวิวภูเขาอยู่ไกลๆ ที่นี่มีคาเฟ่เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศธรรมชาติที่แม้แต่ภาพถ่ายก็ไม่อาจสวยเท่าตาเห็น แต่ถ้าอยากรูปคู่น้องหมาอาคิตะ แนะนำว่าควรมาถึงฟาร์มไม่เกิน 9.30 น.
MORI NATURAL FARM STAY
88/9 ม.3 ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ 50180
โทร. 081-787-8595
2. Magokoro Teahouse ชาเขียวแท้นำเข้า กินแล้วอารมณ์ดี
คาเฟ่น่าฮักที่คนรักชาเขียวต้องมา Magokoro Teahouse เปิดมานาน 3 ปีแล้ว ภายหลังเปลี่ยนชื่อร้านใหม่เป็น ‘มีใจให้มัทฉะ’ ซึ่งแปลว่า ‘ความจริงใจ’ แม้จะไม่ใช่ร้านใหม่ แต่ก็ยังถือว่าได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาวของเชียงใหม่ อาจจะเป็นเพราะรสชาติของชาเขียวที่นี่เป็นการนำเข้าจากญี่ปุ่นโดยตรง ทำให้ลูกค้าได้ลิ้มรสความนุ่มละมุนและกลิ่นชาญี่ปุ่นแบบต้นตำรับก็เป็นได้
ชานำเข้าของทางร้านมาจาก 2 แหล่งหลักๆ คือ จังหวัดชิซูโอกะกับตอนล่างของคิวชู ซึ่งเป็นสองจังหวัดที่มีชื่อเสียงในการปลูกชาเขียว
ประกอบด้วย Matcha, ชาใบญี่ปุ่น และล่าสุดที่เพิ่งนำเข้ามาคือ ชาจากจีน ทางร้านยังให้ความพิถีพิถันกับการชงชาเป็นอย่างมาก โดยจะชงแบบแก้วต่อแก้ว และจัดเซ็ตชาคู่กับขนมหวานหรือเบเกอรี่ ซึ่งเจ้าของร้านหญิงเป็นผู้ทำเองทั้งหมด
ตัวร้านตั้งอยู่ใจกลางเมือง บนถนนศรีดอนไชย ตำบลช้างคลาน การตกแต่งภายในเป็นแบบมินิมอลสไตล์ญี่ปุ่น ใช้ไม้เป็นส่วนประกอบหลักเพื่อให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนมาจิบชาบ้านเพื่อน โต๊ะไม้ยกพื้นสูง มีเบาะรองนั่งนุ่มสบาย ข้างๆ มีสวนสไตล์เซนที่เพิ่งทำใหม่หลังโควิด-19 สำหรับผู้ที่อยากนั่งตากอากาศแบบเอาท์ดอร์
MAGOKORO TEAHOUSE มีใจให้มัทฉะ
191/1 ถ.ศรีดอนไชย ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50100
โทร. 052-010-204
3. Aeeen ร้านอาหารญี่ปุ่นเพื่อสุขภาพ
Aeeen หรืออาอีน ร้านอาหารญี่ปุ่นของสองสามีภรรยาชาวญี่ปุ่น Yuki (สามี) และ Keiko (ภรรยา) ที่ย้ายครอบครัวมาตั้งรกรากและเปิดร้านอาหารเล็กๆ ในเชียงใหม่ ความพิเศษของที่นี่ คือไม่มีเนื้อสัตว์เลยแม้แต่จานเดียว เน้นอาหารที่เป็น Plant-Based Food และใช้วัตถุดิบท้องถิ่นตามฤดูกาล ตามคอนเซ็ปต์ของอาหารโชจินเรียวริ (Shojin Ryori) ซึ่งเป็นการทำอาหารแบบพระนิกายเซนของญี่ปุ่น เพื่อสร้างสมดุลให้ร่างกาย เรียกว่าน่าจะถูกปากคนรักสุขภาพอย่างแท้จริง
เมนูหลักของทางร้านคือ เต้าหู้สดแบบโฮมเมด และเครื่องปรุงต่างๆ ที่เกิดจากกระบวนการหมักด้วยตัวเอง โดยมีการใส่โคจิ (Kouji) หรือหัวเชื้อราแท้ๆ ที่นำเข้าจากญี่ปุ่นลงไป เช่น ซอสมิโซะและผักดองต่างๆ
ซึ่งจะช่วยในการย่อยสารอินทรีย์ในวัตถุดิบให้มีรสชาติอร่อยและมีประโยชน์ต่อร่างกาย อย่างไรก็ตาม เครื่องปรุงของทางร้าน ลูกค้าสามารถซื้อกลับไปปรุงอาหารเองที่บ้านได้ด้วย ใครที่กำลังควบคุมน้ำหนักหรือลดน้ำหนัก บอกเลยว่าร้านนี้ อาหาร ‘คลีน’ ของแท้ ส่วนใครอยากเรียนรู้วิธีทำอาหารญี่ปุ่น ทุกๆ บ่ายวันเสาร์ที่ 1 และ 3 ของทุกเดือน ร้านอาอีนเปิดสอนเวิร์คช็อปการทำเต้าหู้ (เสาร์แรกของเดือน) และมิโซะ (เสาร์ที่ 3 ของเดือน) ซึ่งเป็นเครื่องปรุงรสสไตล์ญี่ปุ่น และเป็นแบบที่ใช้ประกอบอาหารในร้านด้วย แนะนำให้โทรจองเวิร์คช็อปล่วงหน้า 1 สัปดาห์ ราคาคอร์สละ 1,500 บาท (เรียนเฉพาะครึ่งบ่าย)
AEEEN
4/13 ม.5 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50200
โทร. 097-943-7039
4. Onsen @Moncham แช่ออนเซนต้านหนาวบนภูเขาสูง
การแช่ออนเซนเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่นที่คุ้นเคยกับการอาบน้ำแร่หรือบ่อน้ำพุร้อนที่มีแหล่งกำเนิดมาจากภูเขาไฟ ซึ่งมีแร่ธาตุที่ดีต่อสุขภาพและผิวกาย หากมาเที่ยวเชียงใหม่ Onsen @Moncham ให้ประสบการณ์ของการแช่ออนเซนได้ไม่ต่างจากญี่ปุ่น ทั้งรูปแบบของบ่อน้ำแร่ บรรยากาศ และการตกแต่ง
Onsen @Moncham เป็นส่วนหนึ่งของโรงแรมออนเซน แอท ม่อนแจ่ม ออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากปราสาทคัทซึระ อิมพีเรียล เมืองเกียวโต หนึ่งในสถาปัตยกรรมอันงดงามและตระการตาที่สุดของญี่ปุ่น ผลงานออกแบบโดย อ.กฤษฎา โรจนกร ศิลปินแห่งชาติ ภายนอกแวดล้อมเป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งจัดตามหลัก ‘เต๋า’ และ ‘เซ็น’ ที่สอนให้มนุษย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างเป็นมิตร
การแช่ออนเซนเป็นการจำลองบ่อน้ำพุร้อนของประเทศญี่ปุ่น โดยบ่อออนเซนของที่นี่จะแยกชาย-หญิง มีบริการทั้งแบบเอาท์ดอร์และอินดอร์ น้ำแร่ที่ใช้ผ่านกรรมวิธีตามต้นแบบของญี่ปุ่นโดยเฉพาะ เป็นน้ำแร่บริสุทธิ์จากใต้ดินที่ลึกลงไปกว่า 100 เมตร มีส่วนผสมของทองแดง แมกนีเซียม สังกะสี แคลเซียม และซัลเฟตไอออน ช่วยปรับสมดุลของร่างกาย ทำให้ผิวพรรณสดชื่นเปล่งปลั่ง ฟื้นฟูและผ่อนคลายจิตใจปัจจุบัน รองรับทั้งลูกค้าที่พักในโรงแรม และลูกค้าภายนอก ราคาคนละ 750 บาท สามารถแช่ออนเซนได้นานรอบละ 45 นาที โดยจะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ 11.00-16.00 น. ลูกค้าที่ซื้อบัตร สามารถใช้บริการต่อในรอบถัดไปได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม (บัตรใช้ได้วันต่อวัน)
ONSEN @MONCHAM
293 ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ 50180
โทร. 053-111-606
5. อุโมงค์สวนไผ่ Bamboo Groove ถ่ายรูปกับต้นไม้เพลินๆ
อุโมงค์สวนไผ่ Bamboo Groove ตั้งอยู่ที่ตำบลสบเปิง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นการจำลองเอารูปแบบของป่าไผ่ซากาโนะของเมืองอาราชิยาม่าแห่งกรุงเกียวโต ประเทศญี่ปุ่นมาประยุกต์ใช้
โดยตลอดสองข้างทางเดินจะถูกปกคลุมด้วยต้นไผ่ที่สูงชะลูดแต่แผ่กระจายความร่มรื่นได้ตลอดเส้นทาง ให้บรรยากาศคล้ายกำลังเดินเล่นอยู่ในอุโมงค์อันแสนสงบ หากเดินเข้าไปด้านในของอุโมงค์ จะพบกับรีสอร์ทที่พักชื่อ ‘สยามวิลเลียน’ และคาเฟ่สำหรับนั่งพักจิบกาแฟชิวๆ พร้อมชื่นชมไปกับทัศนียภาพทางธรรมชาติอันแสนรื่นรมย์ เหมาะสำหรับคนชอบถ่ายรูป และชอบความเป็นธรรมชาติ
อุโมงค์สวนไผ่แห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของรีสอร์ทสยามวิลเลียน และหาชมได้เพียงแห่งเดียวเท่านั้นในเชียงใหม่
BAMBOO GROOVE CHIANG MAI
76 ม.4 ต.สบเปิง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ 50330
โทร. 053-995-491