Looks like pinterest, Feels like home

ร้านนี้ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์แนวมิดเซนจูรี เต้บอกว่าเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้มาจากการแย่งชิงกับนักสะสมเฟอร์นิเจอร์ทางอินสตาแกรมของร้านเฟอร์นิเจอร์มือสอง พอได้มาสมใจอยากก็เข้าขั้นตอนของการตกแต่ง โดยเต้กับแอมจะนำเฟอร์นิเจอร์แต่ละตัวมาจัดวางไปทีละมุมของร้าน แล้วแอมก็จะลองถ่ายรูปเพื่อยืนยันว่าทุกมุมเหมาะจะเป็นมุมถ่ายรูปของชาวคาเฟ่ ฮอปเปอร์

ขอเตือนไว้ก่อนนะว่า ถ้าใครไปตามรอยหลังอ่านบทความนี้ สิ่งที่เห็นในรูปอาจจะไม่มีอยู่แล้วก็ได้ เพราะเต้เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ทุก 2 เดือนเลยน่ะสิ! เต้คือนักสะสมเฟอร์นิเจอร์ที่ชอบซื้อโต๊ะและเก้าอี้หน้าตาแปลกใหม่อยู่ตลอด แล้วก็นึกสนุกกับการตกแต่งร้านแบบไม่มีที่สิ้นสุดให้ทั้งตัวเจ้าของร้านเองกับลูกค้ารู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่มาคาเฟ่

“เราชอบที่รูปลักษณ์น่ารัก รูปร่างไม่ซ้ำ ทั้ง Texture และ Material ก็ไม่ซ้ำ เฟอร์นิเจอร์ทุกตัวมีเอกลักษณ์ของมันหมด” เต้เล่าเหตุผลว่าทำไมเขาถึงหลงใหลเฟอร์นิเจอร์แนวมิดเซนจูรีตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย

สำหรับเต้ บางมุมของร้านที่ยังไม่เบื่อก็อาจจะอยู่นานกว่า 2 เดือนก็ได้ ส่วนบางมุมที่เปลี่ยนก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนตามใจชอบเสมอไป เพราะเต้คำนึงถึงการรองรับลูกค้า โดยมีแผนจะเปลี่ยนเอาโต๊ะตัวเล็กและโซฟาเดี่ยวมาเพิ่ม เพื่อให้ลูกค้ามีโอกาสได้นั่งซึมซับบรรยากาศสบายๆ ของร้าน

คาเฟ่นี้เกิดจากส่วนผสม 3 อย่างที่เราว่าเข้ากันมาก หนึ่งคือความรู้ของคนออกแบบภายในอย่างเต้กับช่างภาพอย่างแอม สองคือความชอบส่วนตัวของทั้งคู่ที่ถูกดึงดูดด้วยการตกแต่งแนวมิดเซนจูรีกับความมินิมัล และสามคือไอเดียจากสถานที่ที่เคยไปกับภาพตัวอย่างที่เห็นจาก Pinterest เต้กับแอมเลยช่วยกันจัดวางองค์ประกอบทุกอย่างของคาเฟ่ได้ลงตัวสุดๆ จนเรายังคิดว่าถ้าย้ายที่เฟอร์นิเจอร์สักตัว อะไรๆ คงดูผิดที่ผิดทางไปหมด ดังนั้นคาเฟ่นี้จึงเป็นเหมือนพื้นที่ปล่อยของของเต้กับแอมเลยแหละ

“ร้านนี้ไม่มีคอนเซปต์เลย” เต้ตอบทันทีตอนที่เราถามว่าคอนเซปต์ของร้านคืออะไร เขาเพียงแต่ทำตามความชอบเท่านั้น เฟอร์นิเจอร์แนวมิดเซนจูรีทำจากรูปทรงเรขาคณิตหลายรูปแบบ แต่เป็นสีล้วน การตกแต่งร้านเลยดูสนุกแต่ยังคงความมินิมัลไว้ได้อย่างที่เจ้าของร้านทั้งสองชอบ

ความอบอุ่นและสบายเหมือนอยู่บ้านก็เป็นกลิ่นอายหนึ่งที่ชัดมากๆ ของ Ralph.cafe เราสังเกตเห็นว่า โซนทางเข้าร้านเหมือนห้องรับแขก ลึกเข้าไปเหมือนโต๊ะกินข้าวแบบครอบครัว พอถามเต้ถึงไอเดียของแต่ละมุม เต้ถึงเฉลยว่าเขาตั้งใจให้ที่นี่เป็นบ้าน ซึ่งนอกจากทั้งสองมุมที่เราบอกไป ยังมีมุมนั่งชิลล์ที่เต้ชอบไปนั่งฟังเพลงระหว่างที่ร้านไม่มีลูกค้าด้วย

Nature and Warmth

ขอเล่าย้อนไปตอนที่เรามาถึงร้าน เราดันประตูกระจกเข้ามาพบกับคาเฟ่สีขาวครีมโทนอุ่นกับหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดรับแสงธรรมชาติ พอมองออกไปข้างนอกก็เห็นสวนดอกไม้สีสันสดใส ยิ่งการออกแบบตึกที่ไม่มีช่องหน้าต่างทางด้านหน้าร้าน ทำให้มองไม่เห็นรถราที่วิ่งไปมา ส่วนด้านข้างทั้งสองฝั่งถึงจะมีหน้าต่างให้ชมวิวสวนแต่ก็มีกำแพงล้อมเอาไว้ เราเลยรู้สึกเหมือนก้าวเข้าสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่นและใกล้ชิดกับธรรมชาติ กล้าพูดเลยว่าคะแนนความประทับแรกพบเราให้ 3 ผ่าน

ตึกนี้ออกแบบโดย ALSO Design Studio บริษัทออกแบบของเชียงใหม่ที่โดดเด่นด้านการออกแบบเพื่อเล่นกับแสงธรรมชาติและสไตล์มินิมัลแบบที่เต้กับแอมชอบ

“ตึกนี้เขาออกแบบให้แล้วผ่านตั้งแต่ดราฟต์แรก เราไม่แก้อะไรเลย” เต้บอก

เจ้าของร้านยังให้โจทย์สถาปนิกไปด้วยว่า ต้องการคาเฟ่ที่ร่มรื่น จึงเกิดสวน 2 สไตล์ตั้งขนาบข้างตัวร้าน สวนฝั่งหนึ่งเน้นสีเขียวกับไม้ดอกไม้ประดับ ซึ่งต้นไม้ที่เลือกมาวางยังบังแสงแดดบางส่วน ทำให้พื้นที่ Indoor ของร้านได้แสงนวลจากธรรมชาติแต่ก็ไม่ร้อนจนเกินไป ส่วนอีกฝั่งตอนแรกเต้ตั้งใจจะทำเป็นสวนแนวทรอปิคัล แต่ด้วยงบประมาณจำกัดเลยกลายเป็นมุมนั่งเล่นที่มีสีโทนร้อนแทน เจ้าของคาเฟ่ยังมีแผนจะใช้พื้นที่โล่งของสวนร้อนเป็นพื้นที่จัดแสดงผลงานศิลปะในอนาคตด้วย

เต้กับแอมทำร้านนี้อยู่ 7 – 8 เดือนอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งการออกแบบภายนอกและการตกแต่งภายใน ส่วนที่รีบจริงๆ ดันเป็นชื่อร้าน เพราะพอถึงคราวจะต้องเปิดกิจการ ร้านก็ยังขาดชื่อซะอย่างนั้น เจ้าของคาเฟ่เลยเลือกชื่อ Ralph แบบไวๆ เพราะชอบความหมายเชิงบวกที่แปลว่าแข็งแกร่ง แต่สำหรับเรา เราว่าชื่อนี้ก็เหมาะที่จะนำมานิยามความเป็นตัวของตัวเองสูง (Strong Character) ของเต้กับแอมผ่าน Ralph.cafe

Sweets in Design

เมนูของร้านก็หน้าตาน่ารักไม่แพ้เฟอร์นิเจอร์เลย ราวกับว่าอาหารในตู้เป็นของตกแต่งร้านอย่างนั้นแหละ แอมใช้วิธีเลือกเค้กจาก Pinterest ชิ้นไหนน่ารักถูกใจก็ส่งรูปไปหาพี่สาวให้รังสรรค์เค้กขึ้นมา จนได้คัพเค้กอย่าง Vanilla Jam Cupcake (120 บาท) ที่ใช้ครีมเนยสดเป็นหลัก แล้วเพิ่มรสชาติและการตกแต่งด้วยผลไม้ 2 ชนิด คือสตรอว์เบอร์รีกับองุ่น

เค้ก Coconut Lava (120 บาท) เค้กสีขาวนวล หอมกลิ่นมะพร้าวที่ Coconut Lover จะต้องร้องกรี๊ด หน้าเค้กตกแต่งด้วยเนื้อมะพร้าว ไส้เป็นมะพร้าวกวน ราดด้วยครีมรสมะพร้าวจนท่วมเหมือนลาวาล้นจากปล่องภูเขาไฟเข้าไปอีก และโอริโอ้ชีสพาย (125 บาท) ที่มีฐานทำจากโอริโอ้บด ข้างบนเป็นวิปครีมกับครีมชีสตีรวมกัน

เครื่องดื่มที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอคือ Va-ni-la To The Moon (120 บาท) ที่มีกลิ่นวานิลลาชัดเจนมาก บวกกับมี Crumbled Almond โรยอยู่ด้านบน ทั้งเพิ่มเนื้อสัมผัสกับรสชาติที่ตัดกับความหวานของวานิลลาพอดี เต้พูดติดตลกว่าเมนูนี้เป็นเมนูเด็กอ้วน ส่วนใครที่ต้องการความซาบซ่า เราแนะนำให้ลอง Yuzu Italian Soda (90 บาท) ไซรัปเข้มข้นมาก ดื่มแล้วสดชื่นดีจริงๆ

ใครมาสระบุรีก็อย่าลืมแวะมา Ralph.cafe กันนะ จะมาเสพบรรยากาศก็ดี กินขนมก็ดี ดื่มเครื่องดื่มก็ดี และแนะนำให้มาช่วงเย็น เพราะแสงพระอาทิตย์ตกดินจะส่องผ่านยอดต้นไม้เข้ามาทางหน้าต่างร้าน สวยมากๆ !