เดิมพันด้วยความฝัน

“จริงๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเริ่มอินเรื่องนี้ตอนไหน เหมือนอยู่ในสายเลือดมาตั้งแต่เด็ก” เคฑิตาเริ่มต้นบทสนทนาด้วยรอยยิ้ม

ย้อนกลับไปสมัยมัธยม ในขณะที่เพื่อนๆ ซื้อน้ำขวดดื่ม เธอคือเด็กสาวนักกีฬาที่พกกระติกน้ำไปเองทุกที่ เพราะไม่อยากเห็นขวดพลาสติกกลายเป็นขยะกองโตหลังจบแมตช์ นิสัย ‘ขี้เกรงใจโลก’ ติดตัวเธอมาเรื่อยๆ จนกระทั่งจุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในช่วงโควิด

“ช่วง Work from Home เราเห็นขยะล้นบ้านมาก ส่วนใหญ่มาจากเดลิเวอรีร้านกาแฟ แก้วพลาสติกกองพะเนิน รู้สึกจี๊ดเลยนะว่า สุดท้ายคนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือโลกของเรา”

ภาพขยะที่เพิ่มขึ้นบวกกับความเชื่อที่ว่า ‘เราทำทำไม’ สำคัญกว่า ‘เราทำอะไร’ ปลุกไฟในตัวเธอให้ลุกโชน แม้จะไม่เคยคิดอยากเปิดร้านกาแฟมาก่อน เพราะมองว่าเป็นธุรกิจปราบเซียน แต่เมื่อเจอทำเลที่ใช่ในหมู่บ้านตัวเอง จังหวะชีวิตก็บอกว่า “ต้องเอาแล้ว!”

เคฑิตาตัดสินใจลาออกจากงานประจำที่มั่นคง และเทเงินเก็บทั้งหมดในชีวิตลงไปกับโปรเจกต์นี้

“ตอนนั้นคิดแค่ว่าอายุยังไม่เยอะ ถ้าล้มตอนนี้ก็ยังมีแรงลุกไหว ถามว่ากลัวไหม? ตอนเปิดร้านเงินในบัญชีเหลือ 0 บาทเลยนะ (หัวเราะ) แต่ก็บอกตัวเองว่า ‘เอาวะ เงินเราเอง เทหมดหน้าตักดูสิว่ามันจะไปได้สักแค่ไหน’ ต้องขอบคุณเพื่อนๆ ที่มาช่วยกันด้วยใจในช่วงแรก ทำให้เราผ่านมาได้”

เปลี่ยน ‘ขยะ’ เป็น ‘งานอาร์ต’

แม้ประสบการณ์ทำร้านจะเป็นศูนย์ แต่ประสบการณ์ด้าน Design Strategy และงานอาสาสมัครเรื่องขยะกว่า 10 ปีของเธอ คืออาวุธลับที่ทำให้ Early BKK ไม่เหมือนใคร เธอรู้ดีว่าวัสดุไหนจำเป็น อันไหนคือขยะในอนาคต

“เราเริ่มคิดตั้งแต่โครงสร้างเลย อย่างชั้น 1 เราใช้ Metal Deck ที่ปกติคนจะเอาฝ้าปิดทับ แต่เราเลือกโชว์เนื้อแท้ไปเลย ลดวัสดุ แถมได้ลุคเท่ๆ ดิบๆ หรือผนังก็ลงปูนแค่ชั้นเดียวแล้วทากันซึมเลย จบ!”

แต่ไฮไลต์ที่ทำให้ทุกคนต้องร้องว้าว คือการนำขยะมารีไซเคิลเป็นวัสดุหลักของร้าน! ไม่ว่าจะเป็น

กำแพงกล่องนม (Re-board) คุณอาจจะไม่เชื่อว่า ผนัง โต๊ะ และเก้าอี้ลายจุดแปลกตาในร้าน ทำมาจาก ‘เศษกล่องนม’ อัดขึ้นรูปใหม่ที่เรียกว่า Re-board “เราไปเจอวัสดุนี้ในงาน Design Week แล้วปิ๊งเลย มันสวยและแข็งแรงมาก เลยตามหาโรงงานแล้วเอามาใช้เป็นวัสดุหลัก ตั้งใจทำให้เหมือนโชว์รูมเลยว่า ขยะกล่องนมเนี่ย เป็นได้ทั้งฝ้า ผนัง และเฟอร์นิเจอร์นะ”

เคาน์เตอร์ขวดเบียร์ อีกหนึ่งซิกเนเจอร์คือแสงระยิบระยับจากขวดแก้วและขวดเบียร์ที่ถูกฝังอยู่ในเคาน์เตอร์และพื้นร้าน รวมถึงเรียงรายอยู่ในโครงเหล็กหน้าร้าน “ขวดเบียร์เป็นขยะที่คนมองข้ามเยอะมาก ทั้งที่จริงๆ สีสวยนะ ตอนแรกผู้รับเหมาก็กลัวว่าจะบาดมือลูกค้า เราเลยลองทำกับเคาน์เตอร์หลังร้านก่อน พอเวิร์กก็ลุยต่อ จนกลายเป็นเทรนด์ที่หลายบริษัทเอาไปทำตามกันแล้ว”

เมื่อ ‘อุดมการณ์’ เจอ ‘ความจริง’

เส้นทางสายรักษ์โลกไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ช่วงแรกเคฑิตาต้องงัดข้อกับความจริงทางธุรกิจอย่างจัง
“เปิดร้าน 2-3 เดือนแรก เราฮาร์ดคอร์มาก ไม่มีหลอด ไม่มีทิชชูให้! เพราะคิดว่าเราไม่ใช้ คนอื่นก็ต้องทำได้สิ สรุปโดนลูกค้าบ่นยับ (หัวเราะ) เขาบอกเลยว่า ‘คุณไม่ฟังลูกค้า เดี๋ยวก็เจ๊ง’ คำนั้นเตือนสติเราเลย”

สุดท้าย Early BKK เลือกที่จะ ‘เจอกันคนละครึ่งทาง’ มีหลอดและทิชชูให้ แต่ไม่ได้วางโชว์ เพื่อเชิญชวนให้ลูกค้าเข้ามาอยู่ในวงกลมรักษ์โลกของร้านอย่างเต็มใจ โดยไม่รู้สึกถูกยัดเยียด

ผลลัพธ์ที่ได้คุ้มค่ามาก จากร้านที่คนเคยปรามาสว่าจะไปไม่รอด วันนี้ลูกค้าเริ่มพกแก้ว พกกล่องข้าวมาเอง บางคนถึงขั้นมาถามหาอุปกรณ์รักษ์โลกไปใช้ที่บ้าน กลายเป็นคลื่นความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่น่าชื่นใจ

Airbus The Boss

นอกจากรักษ์โลก ที่นี่ยังรักสัตว์แบบสุดหัวใจ เพราะอดีต ‘เจ้าของร้านตัวจริง’ คือน้องหมาชื่อ ‘แอร์บัส’ สัตว์เลี้ยงคู่ใจของเคฑิตา “เราเข้าใจหัวอกคนรักสัตว์ที่อยากไปคาเฟ่แต่เข้าไม่ได้ เพราะเราเคยเจอมาก่อน แอร์บัสคือแรงบันดาลใจที่ทำให้ร้านนี้เป็น Pet Friendly 100%”

แม้แอร์บัสจะกลับดาวหมาไปแล้ว แต่จิตวิญญาณของเขายังส่งต่อไปถึงสาขาสองอย่าง Early Yuyen ที่อัปเกรดความใส่ใจด้วยการมี Dog Park ให้เพื่อนสี่ขาได้วิ่งเล่นอย่างเต็มที่

เคฑิตาทิ้งท้ายกับเราด้วยแววตามุ่งมั่นว่า การทำร้านกาแฟเหนื่อยแทบขาดใจ แต่ทุกครั้งที่เห็นลูกค้าเข้าใจเจตนารมณ์ หรือได้เป็นส่วนเล็กๆ ที่จุดประกายให้ใครสักคนหันมารักษ์โลก นั่นคือกำไรทางใจที่ทำให้ Early BKK ยังคงยืนหยัดและเติบโตอย่างสวยงามท่ามกลางวงการคาเฟ่ต่อไป

ใครอยากเสพงานดีไซน์ จิบกาแฟดีๆ และรับพลังบวกกลับบ้าน ลองแวะไปหาพวกเขาได้ที่ Early BKK สัมมากร รับรองว่าจะได้มากกว่าแค่รูปสวยๆ แน่นอน!