About
RESOUND

โหมดพลเชษฐ์

วิธีรับมือปาฏิหาริย์ของ Ponchet เจ้าของเพลงดังที่อยากได้รับการตอบกลับว่า ‘พี่ชอบหนูที่สุดเลย’

Beingthere Detour Be myguest FLAVOR Resound art+culture Insights Trends Business Insiders Balance Craftyard News
Read At ONCE
  • พล-Ponchet ศิลปินหนุ่มขี้เพ้อ เจ้าของบทเพลงทำลายกำแพงภาษาอย่าง ‘พี่ชอบหนูที่สุดเลย’ ที่กลัวคน ต้องเรียนเพื่อทำการแสดงบนเวทีให้เป็น และกลับมาเชื่อมั่นในตัวเองได้อีกครั้งด้วยปาฏิหาริย์ของวัย 25 ปี

‘พี่คงไม่ชอบผมหรอก’ แต่งและร้องโดย พล-เชษฐกิตติ์ ทุนมาก ในวันที่กำลังจะเลิกทำเพลง

‘พี่ชอบหนูที่สุดเลย’ แต่งและร้องโดย Ponchet (พลเชษฐ์) ในวันที่ไม่มีความเชื่อในตัวเองเหลือแล้ว

ในช่วงที่ผ่านมานี้ หลายคงได้ยิน 2 เพลงนี้วนเวียนอยู่ในโซเชียลมีเดียแบบเลื่อนไปทางไหนก็เจอ ไม่ว่าจะใน TikTok หรือ Instragram ที่คนไทยนำไปร้องตาม หรือคนต่างชาติที่นำไปใช้เป็นเพลงประกอบท่าเต้น เรียกได้ว่าโด่งดังชนิดทำลายกำแพงภาษาโดยสิ้นเชิง ขนาดที่ เตนล์ (คนไทยผู้เป็นสมาชิกวงไอดอลเกาหลีใต้ NCT/WayV) ยังต้องนำไปร้องออกรายการ Lee Hyori’s Red Carpet ของประเทศเกาหลีใต้ นี่ยังไม่ได้พูดถึงเวอร์ชัน Speed Up ที่กลายเป็น ชาเลนจ์ให้ได้เห็นกันทั่วบ้านทั่วเมือง

พลไม่ได้มีท่าทีเชิดอกภูมิใจเมื่อเรายกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด กลับกันเขาบอกว่า ถ้าตัดสินใจเลิกทำเพลงเร็วกว่านี้สัก 2-3 เดือน ตอนนี้เขาอาจกำลังทำงานเป็นข้าราชการ หรือไม่ก็พนักงานออฟฟิศหาเช้ากินค่ำอยู่ในตัวเมืองเชียงรายไปแล้ว เพราะเขาไม่เชื่อเลยจริงๆ ว่า คนอายุ 25-26 ปีอย่างเขาจะสู้เด็กรุ่นใหม่ในทุกวันนี้ได้

สิ่งที่เราคุยกับพลต่อไปนี้จึงไม่ใช่คู่มือที่จะมาบอก ‘วิธีรับมือกับการเป็นคนดัง’ แต่เป็นวิธีรับมือกับสิ่งต่างๆ ของพลในแต่ละช่วงวัย ตั้งแต่ความสำเร็จที่มาเร็วเกินไป จุดอ่อนของตัวเองในฐานะศิลปินที่กลัวคน การอยากขึ้นไปเล่นบนเวทีให้สนุก โดยหวังว่าสักวันหนึ่งจะเป็นมิตรพอจะจัดคอนเสิร์ตที่ให้อารมณ์แบบพี่เบิร์ดได้ และมีผู้ชมตอบกลับมาว่า ‘พี่ชอบหนูที่สุดเลย’

พลเชษฐ์

ปาฏิหาริย์โผล่มาให้รับมือ

ปีนี้พลอายุเท่าไหร่

เพิ่งอายุ 26 เมื่อ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา

จำได้ว่าเมื่อ 5 ปีก่อน พลเคยมีเพลงที่แตะ 100 ล้านวิวมาแล้ว

ใช่ ตอนนั้นทำกับพวกเพื่อนๆ พวกน้องๆ ชื่อเพลงว่า ‘ถามหน่อย’ กับ ‘เอ็นดู’

รู้สึกยังไงที่มีเพลงแตะ 100 ล้านวิวตั้งแต่อายุยังน้อย

ความรู้สึกมันมาตั้งแต่ช่วง 10-20 ล้านแล้ว มันเยอะมากสำหรับเพลงที่ทำกันเองในห้องนอน เราซาบซึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เรายังเด็กกันมาก แล้วความสำเร็จมันมาไวเกินไป เพลงอาจจะดังก็จริง แต่ตัวคนร้องไม่ได้เป็นที่รู้จักตามไปด้วย มันเหมือนเราพลาดโอกาสที่จะโชว์ตัวตนให้คนได้รู้จัก เราไม่ได้ไปทัวร์อะไรมากมาย ไม่ได้ไปออกสื่อ เก็บตัวอยู่กันเป็นกลุ่มเป็นก้อน แค่ทำเพลงลงยูทูบกันเฉยๆ

ตอนนั้นรับมือกับความสำเร็จที่มาไวเกินไปยังไง

เละเลย เราไม่มีผู้จัดการมาคอยจัดคิวงานให้ อันที่จริงผู้จัดการเป็นรูมเมทของน้องอีกคนในกลุ่มด้วยซ้ำ เขายังเป็นเด็กมหา’ลัยอยู่เลย ไม่เคยเรียนหรือทำอะไรแบบนี้มาก่อน น้องๆ ที่อายุเพิ่ง 18-19 ก็ต้องไปเล่นในร้านแล้ว มันไวไปมากๆ เราไม่มีทั้งประสบการณ์และความเป็นมืออาชีพ ตามมีตามเกิดสุดๆ เอาคนดูไม่อยู่ ไปโชว์แล้วไม่แฮปปี้ ก็เลยเลิกรับงานโชว์กันไป

พลเชษฐ์

ความสำเร็จนั้นกระทบกับการทำเพลงหรือเปล่า

เมื่อก่อนกลุ่มเราทำงานไวมาก อาทิตย์นี้ได้เพลง อาทิตย์หน้าได้อีกเพลง แต่พอมันเกิดคลื่นลูกนั้นขึ้นมา การทำงานมันเริ่มช้าลง น้องในกลุ่มบางคนปล่อยเพลงยากขึ้น เพลงก่อนหน้าเริ่มกลายเป็นแรงกดดัน จนไม่ได้ปล่อยเพลงกลุ่มเป็นปีๆ

ส่วนผมก็ยังปล่อยเพลงเลี้ยงตัวเองในฐานะศิลปินเดี่ยวอยู่เรื่อยๆ ได้กระแสจากเพลงกลุ่ม ทำให้ยอดวิวมันพออยู่ได้ หลักล้านบ้าง หลักแสนบ้าง แต่ไม่เคยถึง 10 ล้าน

การทำเพลงสำหรับพลคืออะไร

มันเหมือนการเขียนไดอารี พวกผมเวลามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น หรือกำลังคิดอะไรอยู่ เราจะไม่โพสต์ลงโซเชียล ไม่บอกคนอื่นผ่านช่องข้อความ แต่จะเอามาลงในเพลงแทน ส่วนจะปล่อยไม่ปล่อย อันนั้นว่ากันอีกที ถ้าไม่ปล่อยก็ค่อยกลับไปเปิดฟังวันหลัง

พวกเพลงที่ไม่ได้ปล่อย มีโอกาสที่จะถูกปล่อยออกมาให้ฟังในอนาคตไหม

มันจะเป็นในรูปแบบที่เราเอาเพลงเก่าๆ ที่เคยทำไว้มาทำใหม่ แล้วปล่อยออกไปมากกว่า ด้วยช่วงเวลาที่มันเลยผ่านมา ดนตรีของเราหรือวิธีการทำเพลงของเราอาจจะเปลี่ยนไปแล้ว

ได้ยินมาว่าเพลง ‘พี่คงไม่ชอบผมหรอก’ ทีแรกก็กะจะไม่ปล่อยใช่ไหม

ต้องเล่าก่อนว่า จริงๆ ‘พี่คงไม่ชอบผมหรอก’ เป็นเพลงวัดดวง และเป็นเพลงที่ผมไม่ได้คาดหวังอะไรเลย เพราะประมาณมกราคมปีที่ผ่านมา ผมกำลังจะเลิกทำเพลงแล้ว

พลเชษฐ์

อ้าว ทำไมล่ะ

เริ่มรู้สึกว่าคนฟังน้อยลง ก็ชื่นใจที่มีคนฟังกลุ่มเล็กๆ ยังตามฟังเราอยู่เสมอ แต่ด้วยรายได้มันไม่สามารถครอบคลุมรายเดือนในการดูแลตัวเองได้แล้ว มันเป็นความรู้สึกว่า ทำต่อไม่ได้นะ ถ้าทำต่อ เราจะกลายเป็นภาระคนอื่น กลายเป็นภาระแม่แน่ๆ

เรียกว่าเป็นการจำใจต้องเลิกได้ไหม

อือ เหมือนเราตื่นตัวได้ด้วยอายุที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีก 4-5 ปี เราจะ 30 แล้วนะ สมมุติเราเลิกตอนอายุ 30 จะหางานยากหรือเปล่า ไม่ดีกว่าเหรอถ้าเริ่มตอน 20 กว่าๆ

บางคนบอกอย่าเพิ่งเลิกเลย ใครจะไปรู้ อนาคตอาจจะดังก็ได้ ผมไม่รู้ ตอนนั้นผมรู้แค่ว่าเงินที่มันโชว์แต่ละเดือน มันเหลือเท่านี้ ผมเลยต้องรับผิดชอบดูแลตัวเองก่อน

ถ้าเลิกแล้วจะไปทำอะไรต่อ

ตอนนั้นคิดว่าจะไปสอบเป็นข้าราชการแบบคุณแม่ ไม่ก็เป็นพนักงานออฟฟิศในตัวเมืองเชียงราย อาจเป็นตัวเลือกที่ไม่ถูกด้วยซ้ำ ผมอาจจะมองมันง่ายเกินไป แต่ตอนนั้นนึกไม่ออกแล้ว ไม่รู้จะไปไหนดี นับตั้งแต่เริ่มหาเงินก้อนแรกได้ด้วยการทำเพลง ผมก็อยู่ตรงนี้มาตลอด ที่ผ่านมาเหมือนผมได้ใช้ชีวิตตามใจชอบมามากพอแล้ว คงถึงเวลาเริ่มจริงจังกับชีวิตได้แล้วมั้ง

พลเชษฐ์

แล้วอะไรทำให้ยังทำต่อ

ตอนนั้นมีความรู้สึกว่าก่อนที่เราจะต้องเป็นมนุษย์เงินเดือน เข้างานเช้าเลิกงานเย็น ขอไปเที่ยวหาเพื่อนๆ น้องๆ ที่กรุงเทพฯ ก่อนดีกว่า ไปรีเซ็ตให้ตัวเองได้พักผ่อนก่อนที่ชีวิตจะเปลี่ยน

พอลงมาจากเชียงรายไปอยู่กรุงเทพฯ เรามีโอกาสได้เดตกับคนคนหนึ่ง อินเลิฟ ไม่โพสต์ลง แต่บอกน้องๆ ว่า ทำเพลงกัน ออกมาเป็น ‘พี่คงไม่ชอบผมหรอก’ เพื่อระบายความรู้สึก ทีแรกไม่ได้จะปล่อยด้วย แต่รุ่นน้องที่มีสตูดิโอถ่ายทำ ได้ฟังเพลงนี้แล้วชอบ มันบอกเดี๋ยวจะทำ MV ให้ ถึงขนาดจะลดเรตราคาให้เลย แล้วน้องยืนกรานอยากจะทำให้จริงๆ เราก็เลยตัดสินใจทุ่มเงินก้อนสุดท้ายที่ก็แทบจะหมดแล้วให้น้องไป กะให้เป็นครั้งสุดท้ายที่ทุกคนได้มาสนุกด้วยกัน ตอนนั้นผมก็คิดในใจนะว่า …กูทำอะไรของกูวะเนี่ย ถ้าแตะแสนวิวก็ปาฏิหาริย์แล้ว

ปรากฏว่าปาฏิหาริย์มีจริงสินะ

ตามที่ทุกคนเห็นกันเลยครับ มันมีโมเมนต์หนึ่งที่ผมเงยหน้ามองฟ้า แล้วคิดกับตัวเอง

…เอาจริงดิ คนจะเลิก มันไม่ได้เลิกเนี่ย

พลเชษฐ์

หนุ่มขี้เพ้ออยากเป็นมิตร

‘พี่คงไม่ชอบผมหรอก’ กับ ‘พี่ชอบหนูที่สุดเลย’ ให้อะไรกลับมาเยอะมากเลยใช่ไหม

เป็นจุดเปลี่ยนหนึ่งของชีวิตได้เลย ซึ่งน่าประหลาดใจมาก เพราะตอนแรกไม่เชื่อในตัวเองเลย ยิ่งมองตอนที่เริ่มกับปัจจุบัน 7 ปี มันนานมากนะ พอมีเด็กรุ่นใหม่ที่เขาอายุ 18-19 เริ่มขึ้นมา รู้สึกเหมือนเราคืออะไรไม่รู้ที่จมอยู่ข้างใต้ และไม่มีทางจะขึ้นมาได้แล้ว

ไม่เชื่อในตัวเองแล้วว่าเราจะทำได้

จุดเปลี่ยนนี้มีความหมายกับเรายังไงบ้าง

ก่อนหน้านี้เคยโพสต์เฟซบุ๊กไว้ว่า ‘ความฝันของพลคือมีเพลง 10 ล้านวิว ในนามพลเชษฐ์’ มันเป็นเป้าหมายที่เราไม่ได้กระเหี้ยนกระหือรือจะไปให้ถึง แต่ครั้งหนึ่งเราอยากไปเล่น Big Mountain ครั้งหนึ่งขอ 10 ล้านวิว ครั้งหนึ่งขอ 100 ล้านวิว

มันเป็นเหมือน Achievement ที่ถ้าเราเก็บได้ ต่อให้หลังจากนั้นจะไปไม่ถึงอีก ก็ไม่เป็นไร เพราะครั้งหนึ่งเราเคยไปคว้า Trophy อันนั้นมาแล้ว ผมไม่ได้มองว่าความสำเร็จเป็นความกดดัน มันเหมือนเป็นด่านในเกมที่เราเคลียร์แล้วก็ถือว่าไม่มีอะไรติดค้างในใจ เพราะ 6-7 ปีที่ผ่านมาเหมือนเดินในความมืด เหมือนคนหลงทาง ไม่รู้เลยว่าวันไหนจะเป็นวันของเรา วันไหนวะที่เราจะประสบความสำเร็จ

แล้ววันนี้เป็นวันของพลหรือยัง

สบายยยย~ ผมใช้ชีวิตแบบไม่ต้องติดค้างอะไรแล้ว

พลเชษฐ์

ในวัย 26 ที่เพลงกลับมาดังอีกครั้ง กลายเป็นไวรัลไปถึงต่างประเทศ รับมือกับมันยังไง แตกต่างจากตอนที่ยังเด็กแค่ไหน

จริงๆ เพลงผมก็เป็นเพลงรักปกติทั่วไป แค่มันอาจจะโชคดีที่มีคนเอาไปเต้น ผมพูดอยู่ตลอดว่า ทั้งหมดไม่ได้เกิดจากแค่เพราะเพลงมันดี มันมีองค์ประกอบหลายอย่างในเรื่องนี้ การทำเพลงให้ข้ามกำแพงภาษาไปให้ต่างชาติชอบฟังเพลงภาษาไทยที่ออกเสียงตามย้ากยาก มันยากมาก มีคนมาถามผมเหมือนกันว่าทำได้ยังไง ผมไม่รู้ (หัวเราะ) ไม่ต้องมาถาม ชีวิตนี้ผมน่าจะทำได้ครั้งนี้ครั้งเดียว

อีกอย่างหนึ่งคือ การที่เพลงจะโด่งดังได้ คำคำเดียวเลยคือ ‘แชร์’

ทำยังไงให้เกิดการส่งต่อมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ตอนเขียนเพลงที่ 2 ผมก็เลยคิดขึ้นมาว่า ถ้าเขาส่งเพลงแรกมา มันต้องมีเพลงที่ไว้ใช้ส่งกลับเปล่าวะ มันถึงจะเกิดเป็นการสื่อสาร 2 ทาง ถ้าเราส่ง ‘พี่คงไม่ชอบผมหรอก’ แล้วอีกฝ่ายส่ง ‘พี่ชอบหนูที่สุดเลย’ ก็ถือว่าวาสนา (หัวเราะ)

ส่วนการรับมือ ครั้งที่แล้วเรามีบทเรียน ครั้งนี้ทำยังไงให้ตัวเราเป็นที่รู้จักตามไปกับเพลง ตอนที่มันเริ่มดัง ผมก็ยังอยู่เงียบๆ เหมือนเดิม ออกมาขอบคุณผ่านไอจีทีเดียวเอง เราตามฟีดแบ็กอยู่ตลอดนะ แค่ไม่ค่อยชอบอธิบายอะไรออกโซเชียล เพราะรู้สึกว่า มันเผยจุดอ่อนของเราเกินไป

พลเชษฐ์

เผยจุดอ่อนยังไง

บางทีเราสามารถรู้ได้เลยว่าคนคนนี้เป็นคนประมาณไหนจากโพสต์ที่เขาเขียน หรือถ้าคนอ่านตีความผิด เขาก็อาจเข้าใจตัวเราผิดได้เหมือนกัน เราเลยเป็นคนระวังตัวมาก ไม่อยากให้ใครรู้จักตัวผม ถ้าผมไม่อยากให้รู้จัก

แต่วันนี้ที่เราอยากให้คนรู้จักไปพร้อมๆ กับเพลง เราจะทำยังไง

นั่นน่ะสิ (หัวเราะ) อาจจะต้องมีโหมดพลเชษฐ์เวลาออกสื่อ

โหมดที่ว่านั้นจะเป็นแบบไหน

เป็นตัวอย่างที่ดีครับ (ตอบทันที) พอเรารู้ว่าคนที่ชอบเราก็มีเด็กๆ ด้วย ถ้าเราทำอะไรที่ไม่ดีออกไป หรือโพสต์อะไรที่ท็อกซิกออกไป กลัวว่ามันจะส่งต่อชุดความคิดที่ไม่ดีให้กับคนอื่นๆ เราไม่อยากเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้เขา

พลเชษฐ์

แล้วอยากให้คนข้างนอกมองโหมดพลเชษฐ์ว่าเป็นศิลปินแบบไหน

เวลาคนเราจะเริ่มรู้จักใครสักคนหนึ่ง มันจะมีอยู่ 3 ทาง ชอบ เฉยๆ และไม่ชอบ ผมไม่อยากให้เข็มเบนไปทางไม่ชอบ แต่มันก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะบางทีเรายังไม่ได้ทำอะไรก็โดนไม่ชอบไปแล้ว เป็นสิ่งที่ผมเองก็ต้องพัฒนาเพื่อทำให้ตัวเองดูเป็นมิตร ไม่ต้องชอบกันก็ได้ แค่รู้สึกว่าเราเป็นมิตรก็พอ

ความเป็นมิตรนั้นรวมถึงตัวเพลงด้วยไหม

แอบคิดอยู่เหมือนกันว่าสเต็ปต่อไปอาจจะทำเพลงที่มันโตขึ้น อยากได้คนฟังเป็นรุ่นลุงๆ ป้าๆ เหมือนกัน เราอยากเป็นที่รักไง ไปเดินตลาดแล้วมีแม่ค้ารู้จัก (หัวเราะ)

มองสเต็ปการเติบโตของการทำเพลงไว้ยังไงบ้าง

เราคงเล่าเกี่ยวกับความรักที่จริงจังขึ้น อย่างตอนนี้ลายเส้นของเพลงผมมันจะหว้านหวาน จนมีคนฟังบอกว่า ‘ชอบเพลงของนักร้องคนนี้นะ แต่ฟังไปฟังมาหลายๆ เพลง เริ่มเลี่ยน’ เออ จริง มันก็ดีแหละ ฟังปุ๊บนึกออกว่าเป็นเพลงของเรา แต่บางทีอาจจะจำเจเกินไป เราควรจะมีหวานมีขมบ้าง

พลเชษฐ์

เพราะเป็นคนโรแมนติกหรือเปล่าถึงได้หวานจนเลี่ยน

เราเป็นคนโรแมนติกที่การกระทำไม่โรแมนติก เป็นคนชอบเรื่องรักๆ มาก ซีรีส์ก็ต้องเป็นรอมคอม การ์ตูนก็ต้องเป็นวัยหวานใสในรั้วโรงเรียน หนังก็ต้องหนังรัก เป็นคนช่างฝัน ชอบเรื่องราวความรักที่ดี บางเรื่องไม่สมหวังก็ได้ เพราะแปลบๆ หัวใจดี

ก็เลยทำให้เรายังไม่เคยทำเพลงที่นอกเหนือจากความรักเลย

แล้วอยากลองทำเพลงที่ว่านั้นไหม

รู้สึกว่ายังไม่อยากลอง เพราะยังชอบที่จะนำเสนอเรื่องราวความรักอยู่ พอดีเป็นหนุ่มขี้เพ้อ (หัวเราะ)

พลเชษฐ์

ใช้เวลากับปัจจุบัน ใช้การพัฒนากับอนาคต

แล้วในขวบปีที่ใช้คำว่าสนุกสุดเหวี่ยงได้เลย รับมือกับเรื่องแย่ๆ ที่เข้ามายังไง

บางเรื่องก็เป็นสิ่งใหม่ที่ชีวิตนี้เพิ่งเคยเจอ ก่อนหน้านี้เราทำเพลงอยู่เงียบๆ แต่ชื่อเสียงก็มาพร้อมกับปัญหาจริงๆ ยิ่งอยู่ในที่ที่สปอตไลต์ส่องด้วยแล้ว ทำให้เราอยากเลิกทำเพลงอีกรอบเลย ไม่ดังเหมือนเดิมก็ไม่มีปัญหาดี

ก้าวข้ามความรู้สึกนั้นมาได้ยังไง

ก็… (สูดหายใจเฮือกใหญ่) ให้เวลาเป็นตัวจัดการครับ

พลเชษฐ์ที่อายุเพิ่งผ่าน 25 ปีมาไม่นานได้เรียนรู้อะไรบ้าง

หลายเรื่องเลย แต่อย่างหนึ่งคือ (ครุ่นคิด) ชีวิตต้องอยู่กับความเป็นจริงด้วยแหละ เราต้องกินต้องใช้ หลายๆ คนอยากจะทำตามความฝัน แต่ว่าชีวิตความเป็นจริงมันพุ่งเข้าชน เราต้องดูแลตัวเอง ต้องดูแลครอบครัว แต่ก็อยากจะเชียร์ให้ทุกคนได้มีเวลามาทำตามความฝัน สักนิดหนึ่งก็ยังดี ใครจะไปคิดว่าเพลง 3 นาทีจะเปลี่ยนชีวิตคนคนหนึ่งได้ขนาดนี้

เชื่อในตัวเองมากขึ้นไหม

เชื่อมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ลำพอง เมื่อก่อนเคยคิดว่าอายุ 25-26 แล้วจะไปสู้เด็กรุ่นใหม่ไหวเหรอ สุดท้ายก็ทำได้

พลเชษฐ์

สำหรับตอนนี้ Achievement ที่อยากไปให้ถึงที่สุดคืออะไร

ตอนนี้อยากโชว์ให้ได้ ที่ผ่านมาเป็นศิลปินเบดรูมสตูดิโอ บอกเลยว่าสกิลการเพอร์ฟอร์มบนเวทีของผมสู้พี่ๆ ที่เล่นดนตรีกลางคืนไม่ได้เลย พวกเขาทำงานอยู่บนเวทีแทบทุกคืน ในศาสตร์ด้านนั้นเขาแข็งแกร่งกันแล้ว ทั้งเรื่องของการเอาคนดูให้อยู่ ทำยังไงให้อยู่เป็นชั่วโมงได้โดยที่พลังไม่หมด เป้าหมายในอนาคตตอนนี้คืออยากเล่นโชว์ให้สนุก แถมเรายังมีปัญหาตรงที่เป็นคนกลัวคน เวลาเจอคนเยอะๆ มันแอบประหม่า …ไม่แอบอะ ประหม่าเลย ยังต้องพิสูจน์ตัวเองบนเวทีอีกเยอะ

ถ้าในอนาคตมีคอนเสิร์ต อยากให้เป็นแบบไหน

ฟีลพี่เบิร์ด อยากให้ทุกคนมาดูแล้วมีความสุข ไม่อยากให้ทุกคนรู้สึกเสียเวลาหรือไม่คุ้มกับการมาดูพลเชษฐ์

แปลว่าในอนาคตอาจได้เห็นคอนเสิร์ตฟีลพี่เบิร์ดจากพลเชษฐ์

ตอนนี้ขอเล่นบนเวทีเล็กๆ ให้รอดก่อน (หัวเราะ)

ติดตาม Ponchet ได้ที่

Youtube: @PONCHET

Tags: